ไวน์ทั่วโลกมีแนวโน้มขาดแคลนถึงปีหน้า
สเปน อิตาลี และฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ทั่วโลกมากกว่าครึ่ง กำลังเผชิญกับฤดูเก็บเกี่ยวที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ หลังจากเจอสภาพภูมิอากาศรุนแรงที่ทำให้องุ่นจำนวนมากได้รับความเสียหาย
ความเสียหายในยุโรป บวกกับการผลิตที่ล่าช้าในซีกโลกใต้ และไฟป่ารุนแรงในแคลิฟอร์เนียซึ่งผลิตไวน์ ทำให้นักวิเคราะห์ต่างหวาดกลัวถึงสภาพขาดแคลนและราคาของไวน์ที่พุ่งขึ้นสูง
สตีเฟน แรนเนคลีฟ นักยุทธศาสตร์ที่ Rabobank ระุบว่า “เราคาดว่าผลผลิตไวน์จะยังคงลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี 2561 นอกจากนี้เรายังคาดว่าอัตราการบริโภคไวน์ในชนชั้นล่างจะยิ่งลดลงจนเห็นได้ชัดเป็นรูปธรรม”
คณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า การเก็บเกี่ยวในภูมิภาคของปีนี้ถือว่าย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2525 ทางยุโรประบุว่าภายในปีนี้จะสามารถผลิตไวน์ได้ 14,500 ล้านลิตร ลดลง 14% จากปีก่อน
อิตาลี ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตไวน์มากที่สุดในโลก พบว่ามียอดการผลิตไวน์ลดลง 21% มากกว่า 4 พันล้านลิตรเพียงเล็กน้อย ด้านการผลิตในสเปนและฝรั่งเศสอาจลดลงราว 15%
นายแรนเนคลีฟระบุว่า “ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับประเทศผู้ผลิตทั้งสามที่จะมีผลผลิตลดลง แต่ถือว่าเป็นเรื่องหายากที่ทั้งสามประเทศต้องเผชิญกับฤดูเก็บเกี่ยวที่ย่ำแย่พร้อมกัน”
สวนองุ่นสำหรับไวน์ในยุโรปถูกโจมตีจากพายุรุนแรงและอากาศเย็นจัดที่เข้าปกคลุมเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ในเดือน เม.ย. ผู้ปลูกองุ่นในเบอร์กันดี ถูกบีบให้ต้องนำพัดลมยักษ์จำนวนมากและฮีทเตอร์มาใช้เพื่อปกป้ององุ่นทั้งหมดของพวกเขา
ล่าสุด ผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มรับรู้ได้ถึงผลกระทบทั้งหมด เนื่องจากไวน์บางประเภทมีการปรับขึ้นราคาในปีนี้ถึง 10%
ไฟป่าที่เผาผลาญรุนแรงในแคลิฟอร์เนียทำให้สหรัฐฯซึ่งเป็นผู้ผลิตไวน์รายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ไม่สามารถเข้าช่วยเหลือหรือผลิตแทนประเทศอื่น ๆ ได้
ผู้ผลิตทั่วโลกมักจะผลิตไวน์ได้มากกว่าจำนวนผู้บริโภคในแต่ละปี ทำให้ไวน์จำนวนหนึ่งต้องมีการวางขายในตลาดหลายปีให้หลัง ในขณะที่ส่วนที่เหลือจำเป็นต้องนำไปกลั่นหรือใช้ในผลิตภัณฑ์อื่นแทน.