กุมารีเนปาลไปโรงเรียน
เมื่อมาทิน่า ชาคยามีอายุเพียง 3 ปี เธอถูกนำตัวไปจากอ้อมอกของพ่อแม่เพื่อไปปฏิบัติภารกิจเป็นกุมารี หรือเทพธิดาที่มีชีวิต ในเมืองหลวงของเนปาล และเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา เธอได้ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนหลังจากการทำหน้าที่กุมารีเป็นเวลา 9 ปีของเธอสิ้นสุดลง
ชาคยา ซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนในวัย 12 ปี ดูภายนอกก็เหมือนเด็กนักเรียนทั่วไปในขณะที่เธอเดินเข้าไปในโรงเรียนที่กลุ่มกรีนพีซร่วมก่อตั้งขึ้นในกรุงกาฐมาณฑุ โดยบรรดานักเรียนและครูต่างมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าโรงเรียนเพื่อให้การต้อนรับเธอ มีการบรรเลงดนตรีและโบกธง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีตที่เธอซึ่งเป็นกุมารี มักเป็นจุดรวมสายตาจากผู้คนมากมายในเมืองหลวงแห่งนี้
“ เราตื่นเต้นมากที่มีเธออยู่กับเรา และเราปรึกษากันว่า จะทำอย่างไรให้เธอรู้สึกสบายใจ และช่วยเธอให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ” เปมา ยนจัน ครูใหญ่ของโรงเรียนกล่าว
ทั้งนี้ กุมารีเป็นเด็กหญิงรุ่นเล็กที่ใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวังในกลางเมืองกาฐมาณฑุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีดั้งเดิมที่สืบทอดกันมานานหลายศตวรรษ และถือเป็นการอวตารของของเทพธิดาฮินดูชื่อ ตะเลชุ
เธอออกจากวัดเพียง 13 ครั้งต่อปี ในวันเทศกาลพิเศษ ที่บรรดาสาวกจำนวนมากจะพากันมายลโฉมเธอ ซึ่งหมายความว่า กุมารีจะไม่มีโอกาสได้ไปโรงเรียน และกุมารีส่วนใหญ่มักมีปัญหาในการปรับตัวหลังจากเธอหมดหน้าที่แล้ว แต่ชาคยามีครูส่วนตัวมาสอนเธอหลังจากมีคำตัดสินของศาลสูงในปี 2551 ว่ากุมารีควรได้รับการศึกษา
เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุมารีในปี 2551 และถูกนำตัวออกจากบ้านไปอยู่ในการดูแลของผู้ปกครองที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษ และเธอเพิ่งหยุดทำหน้าที่กุมารี เนื่องจากเธอเริ่มจะโตเป็นสาวแล้ว
โดยประเพณีดั้งเดิมของกุมารี เป็นการรวมความเชื่อของศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธเข้าด้วยกัน และที่สำคัญที่สุดคือกุมารีทำหน้าที่เป็นตัวแทนของแต่ละราชวงค์ก่อนหน้านี้บนภูเขากาฐมาณฑุ คือ กาฐมาณฑุ ปาทาน และภักตะปูร์
ที่ผ่านมาในอดีต ประเพณีนี้เคยเชื่อมโยงใกล้ชิดกับราชวงศ์ แต่ถึงแม้ราชวงศ์ของเนปาลจะล่มสลายไปในปี 2551 แล้ว ตำแหน่งกุมารีก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป
ทั้งนี้ กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเด็กให้ความสนใจกับเรื่องนี้ และให้ความเห็นว่า กุมารีถูกปฏิเสธสิทธิที่เธอควรมีในวัยเด็ก และการถูกโดดเดี่ยวจากสังคม ทำให้เธอขาดการศึกษาและการพัฒนา.