เงินเยนแข็งค่า หลังเกาหลีเหนือขู่ทดสอบระเบิดอีก
เงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น 0.3% ต่อดอลลาร์สหรัฐฯในวันที่ 22 ก.ย.หลังจากเกาหลีเหนือเตือนว่าอาจมีการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนในมหาสมุทรแปซิฟิก
ไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับสกุลเงินของญี่ปุ่นที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงวิกฤต เนื่องจากนักลงทุนต้องการหาที่พักเงินที่ปลอดภัย จนกว่าวิกฤตจะคลี่คลาย แต่วิกฤตในครั้งนี้แตกต่างออกไป เพราะความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นที่ญี่ปุ่นเอง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า อาจเป็นหายนะของนักลงทุนที่จะหลบหลีกค่าเงิน โดยเงินเยนเป็นสกุลเงินที่ฟื้นตัวยืดหยุ่นอย่างมากและแข็งค่าขึ้นในช่วงเวลาก่อนเกิดวิกฤตในญี่ปุ่น
โดยเงินเยนไต่ระดับขึ้นมา 0.8% ต่อดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามน่านฟ้าญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนส.ค. และยังคงแข็งค่าขึ้นอีกในช่วงการยิงทดสอบครั้งที่ 2 ในสองสัปดาห์ต่อมา
หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์พังเสียหายในฟุกุชิมาเมื่อปี 2554 ค่าเงินเยนก็พุ่งทะยานขึ้นจนรัฐบาลและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำจี 7 ต้องเข้ามาแทรกแซง
จะทำอย่างไรจึงจะผลักไสนักลงทุนให้หนีห่างออกจากเงินเยน ?
“มันจะต้องมีเหตุการณ์ที่จริงจังมากๆ ถ้าหากมีสงคราม ผมคาดว่าเงินเยนจะแข็งค่าขึ้น” ทาคุจิ โอคุโบจาก Japan Macro Advisors ให้ความเห็น
ที่จริงแล้ววิกฤตครั้งล่าสุดยังไม่รุนแรงถึงขนาดนั้น โอคุโบกล่าวว่า เหตุผลหนึ่งที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นในตอนนี้คือนักลงทุนชาวญี่ปุ่นคิดว่าความเสี่ยงของความขัดแย้งที่จะก่อให้เกิดสงครามในคาบสมุทรเกาหลียังคงต่ำมาก พวกเขากังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่เป็นไปได้ของการค้าหรือความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงว่าจะกระทบการขายบ้านหรือรถยนต์มากกว่า
หากความเสี่ยงหลักคือเศรษฐกิจ นักลงทุนยังไม่เห็นความแตกต่างมากระหว่างวิกฤตครั้งนี้และความเสี่ยงอื่นๆ
“หากความเสี่ยงคือการเงินและเศรษฐกิจ คุณอาจต้องการเพิ่มเงินออมสำรองและกำจัดฐานะความเสี่ยง”
นักวิเคราะห์อีกรายคิดว่า นักลงทุนขาดตัวเลือกที่ดีหากเป้าหมายหลักคือเพื่อเก็บเงินไว้ในที่ปลอดภัยสักแห่งจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
ที่พักเงินดั้งเดิมที่ปลอดภัยอีกแห่งคือ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งบางส่วนเป็นเพราะนโยบายการเงินในปัจจุบันของธนาคารกลางสหรัฐฯ และนโยบายอาจไม่สำเร็จหากแจเนต เยลเลนไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่ออีกครั้งในปีหน้า
“อเมริกาที่ไร้ทิศทาง ไร้ผู้นำไม่น่าดึงดูดใจ” เดวิด คูโอจาก Motley Fool กล่าว
“นักลงทุนมองหาที่พักเงินของพวกเขา สวิตเซอร์แลนด์ไม่ใหญ่พอ สิงคโปร์ก็เช่นกัน ยูโรโซนกำลังยุ่งวุ่นวาย ญี่ปุ่นจึงเหมาะที่สุด”.