จีนตำหนิทรัมป์ห้ามขายบริษัทผลิตชิปให้จีน
การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ห้ามไม่ให้มีการขายบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯให้กับบริษัททีมีเงินทุนจีนหนุนหลังในสัปดาห์นี้เป็นอันตรายกับการเติบโตของอเมริกาและเศรษฐกิจทั่วโลก สำนักข่าวซินหัวซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีนรายงาน
Canyon Bridge Capital Partners มีแผนเข้าซื้อ Lattice Semiconductor Corp ด้วยมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในความพยายามจากบริษัทที่มีเงินทุนจีนหนุนหลังในภาคส่วนไมโครชิปของสหรัฐฯ และเป็นการประกาศครั้งแรกของข้อตกลงการซื้อขายหุ้นบริษ้ท ซึ่งมีขึ้นในปี 2559 โดยเน้นที่การลงทุนด้านเทคโนโลยี
มีการตรวจสอบอย่างละเอียดมากขึ้นหลังจากสื่อรอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนพ.ย.ปี 2559 ว่า Canyon Bridge ได้รับเงินทุนบางส่วนจากรัฐบาลกลางของจีนและมีความเชื่อมโยงทางอ้อมกับโปรแกรมอวกาศ
ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งพิเศษเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ว่า Lattice และ Canyon Bridge ควรใช้ทุกขั้นตอนที่จำเป็นในการยกเลิกการทำธุรกรรมที่ได้เสนอมาภายใน 30 วัน
“ การกระทำซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อการเติบโตของอเมริกาและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ยังเป็นการต่อต้านผลประโยชน์ร่วมกัน และความสัมพันธ์ที่วิน-วินกันทั้งจีนและสหรัฐฯ ” อ้างอิงจากรายงานของสำนักข่าวซินหัว
นอกจากนี้ สำนักข่าวซินหัวยังเสริมว่าการพิจารณาด้านความมั่นคงของการลงทุนในภาคส่วนที่อ่อนไหวไม่ควรใช้เป็นเหมือนเครื่องมือของนโยบายกีดกันทางการค้า
นักวิเคราะห์มองว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์เกิดขึ้นเพื่อหวังผลไปถึงการเลือกตั้งกลางเทอมในปี 2561 สำนักข่าวซินหัวเรียกว่า เป็นการเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ไม่มองการณ์ไกลที่ใช้มาตรการกีดกันทางการค้าท่ามกลางการเติบโตทั่วโลก
“ การลงทุนของจีนไม่ใช่ ‘ ม้าโทรจัน’ ที่มีจุดประสงค์แอบแฝง” อ้างอิงจากความเห็นของสำนักข่าวซินหัว
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์มีกำหนดจะไปเยือนจีนในเดือนพ.ย.ปีนี้
“ ทั้งสองประเทศจำเป็นต้องมีการพูดคุยและสื่อสารที่ชัดเจน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน และแลกเปลี่ยนในหลายประเภท และจัดการประเด็นความกังวล ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ของจีนและสหรัฐฯ เป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีความสำคัญที่สุดในโลก” สำนักข่าวซินหัวรายงาน.