วอลล์สตรีททำสถิติสูงสุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ไม่สนใจข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงเนื่องจากผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนทั้งสองลูกที่เพิ่งพัดผ่านไป
โดยตลาดหุ้นยังคงเติบโตในแดนบวกแม้จะมีข่าวเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธลูกใหม่ข้ามน่านฟ้าญี่ปุ่น และมีเหตุระเบิดก่อการร้ายในรถไฟใต้ดินที่กรุงลอนดอน
โดยหุ้นโบอิ้ง Verizon และแอปเปิลเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดหุ้น ในขณะที่หุ้นส่วนใหญ่ก็จบการซื้อขายด้วยมูลค่าที่สูงขึ้น
ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 64.86 จุด หรือ 0.3% ไปปิดอยู่ที่ 22,268.34 จุด
ดัชนี S&P 500 พุงไปอยูที่ 2,500 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุดหรือ 0.18% ขณะที่ดัชนีเทคโนโลยี Nasdaq ก็ปรับเพิ่มขึ้น 0.3% หรือเพิ่มขึ้น 19.39 จุดเป็น 6,448.47 จุด
ทั้งนี้ 3 ดัชนีสำคัญในตลาดหุ้นเติบโตขึ้นอย่างมีเสถียรภาพในปีนี้ โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า การเติบโตได้แรงหนุนสำคัญจากกำไรของบริษัทและเศรษฐกิจทั่วโลกที่ปรับดีขึ้น
โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ Nasdaq ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 18% ขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 12% และ Dow เพิ่มขึ้น 10%
หุ้นของแอปเปิลช่วยเพิ่มแรงขับเคลื่อนให้ตลาดเมื่อวันที่ 15 ก.ย.โดยปรับขึ้น 1% หลังจากลดลงมาหลายวัน หุ้นของโบอิ้งเพิ่มขึ้น 1.5% ขณะที่ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมอย่าง Verizon เพิ่มขึ้น 1.4% เพียงหนึ่งวันหลังจากนำเสนอแผนเติบโตให้นักลงทุน
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเติบโตสวนทางกับข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.2% ในเดือนส.ค. และจากรายงานอีกฉบับ ธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวว่าผลผลิตอุตสาหกรรมลดลง 0.9% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา
โดยนักวิเคราะห์กล่าวโทษว่า ความเสียหายมากมายเกิดจากเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ซึ่งถล่มรัฐเท็กซัสในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนส.ค.
ถึงแม้รายงานยอดค้าปลีกจะอ่อนแอลงกว่าที่คาดการณ์ แต่แนวโน้มยังคงแข็งแกร่ง Gus Faucher หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ธนาคาร PNC กล่าว
“ โดยรวมแล้ว ผู้บริโภคยังคงอยู่ในสัดส่วนที่ดี ถึงแม้จะมีการขึ้นและลงของข้อมูลในหลายเดือนข้างหน้า ” Faucher กล่าว
ยอดขายรถยนต์ลดลง 1.6% ในเดือนส.ค.จากผลกระทบของเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. นักวิเคราะห์ทำนายว่า ยอดขายรถยนต์จะพุ่งขึ้นในอนาคตจากผู้ซื้อที่รถโดนน้ำท่วม
ยอดขายสินค้าออนไลน์ลดลง 1.1% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นยอดประจำเดือนที่ลดลงสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557 ทำให้หุ้นของอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่างอเมซอนลดลง 0.55%
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ยอดค้าปลีกโดยรวมเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยอดขายออนไลน์เติบโต 8.4% เมื่อเทียบกับปี 2559.