วัคซีน ‘ไฟเซอร์’/ ‘แอสตราเซเนกา’ ต้านสายพันธุ์อินเดียได้
ลอนดอน – ผลการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ (PHE) ระบุว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ – ไบโอเอนเทค และบริษัทแอสตราเซเนกามีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในอินเดียได้
จากแถลงการณ์ของกระทรวง วัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 2 โดสมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์ B16172 ที่ตรวจพบครั้งแรกในอินเดียได้ โดยเสริมว่ามีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยกับไวรัสสายพันธุ์ B117 ซึ่งตรวจพบครั้งแรกที่เคนท์ในสหราชอาณาจักร
“ เราคาดการณ์ว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพมากกว่าในการป้องกันไม่ให้เกิดอาการของโรคหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล และเสียชีวิต” ดร.แมรี แรมเซย์ หัวหน้าฝ่ายภูมิคุ้มกันของ PHE กล่าว “ มีความสำคัญที่ต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มเพื่อให้มีประสิทธิภาพป้องกันสูงสุดในการต้านไวรัสที่มีอยู่และไวรัสกลายพันธุ์ที่อุบัติขึ้น”
ผลลัพธ์ที่ได้มีแนวโน้มจะช่วยหนุนแผนการของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในการยุติมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 21 มิ.ย. นี้ แม้จะมีการติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยผลการศึกษา ซึ่งจัดทำขึ้นในวันที่ 5 เม.ย. – 16 พ.ค. พบว่าวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ – ไบโอเอนเทคมีประสิทธิภาพ 88% ในการต้านไวรัสสายพันธุ์อินเดีย หรือ B16172 สองสัปดาห์หลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ขณะที่วัคซีน 2 เข็มของแอสตราเซเนกามีประสิทธิภาพ 60%
PHE ระบุว่า ตัวเลขความแตกต่างอาจอธิบายได้ว่า มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ของแอสตราเซเนกาล่าช้ากว่าของไฟเซอร์ – ไบโอเอนเทค นอกจากนี้ ข้อมูลยังชี้วา การฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาใช้เวลานานกว่าจะถึงขีดประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพในการต้านไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ หรือ B117 วัคซีนของไฟเซอร์ – ไบโอเอนเทคมีประสิทธิภาพ 93% ขณะที่วัคซีนของแอสตราเซเนาอยู่ที่ 66%
“ผมเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเรากำลังไปถูกทางตามโรดแมป เพราะข้อมูลนี้ชี้ว่า วัคซีนที่ฉีดครบ 2 โดสแล้ว ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไวรัสสายพันธุ์อินเดียได้ ” แมต ฮันค็อก รมว.สาธารณสุขกล่าวกับผู้สื่อข่าว
สหราชอาณาจักรเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จนกลายเป็นประเทศที่ฉีดวคซีนเร็วที่สุดในยุโรป แต่ตอนนี้ กำลังประสบปัญหาความท้าทายใหม่จากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์อินเดีย
โดยข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ชี้ว่า สหราชอาณาจักรมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 10.5% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึง 22 พ.ค. แม้จะเป็นตัวเลขที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ก็ตาม
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันระบุว่า ได้ออกคำสั่งให้มีการเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 2 ให้กับผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้เปราะบาง
PHE ระบุว่า วัคซีนเข็มแรกของวัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อ มีประสิทธิภาพ 33% ในการต้านไวรัสสายพันธุ์อินเดีย ต่ำกว่า ประสิทธิภาพ 50% ที่มีกับไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ
โดยรมว.ฮันค็อกระบุว่า การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มมีความสำคัญที่สุด