อินเดียปราบเงินโกงล้มเหลว
ธนบัตรของอินเดียที่เคยหายไปจากระบบเพราะถูกรัฐบาลยกเลิกการใข้งานเพื่อปราบปรามเงินทุจริตผิดกฏหมายเมื่อปลายปี 2559 ส่วนใหญ่ได้กลับคืนสู่กระแสเงินสดหมุนเวียนในอินเดียแล้ว อ้างอิงจากการรายงานของธนาคารกลางอินเดีย
โดยธนาคารกลางเผยว่าเงินจำนวน 15.28 ล้านล้านรูปี หรือ 99% ของเงินทั้งหมดได้หวนคืนสู่ระบบธนาคารแล้ว
รัฐบาลเคยหวังว่า การยกเลิกการใช้งานธนบัตรแบบเก่าจะเป็นการเพิ่มความยุ่งยากสำหรับผู้ที่ไม่สามารถชี้แจงถึงที่มาของทรัพย์สินได้ในการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อธุรกิจผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานข่าวถึงการตั้งคำถามเกี่ยวกับนโยบายนี้ ซึ่งก่อให้เกิดความอลหม่านโกลาหลไปทั่วอินเดียในช่วงเวลานั้น
ธนาคารหลายแห่งขาดแคลนเงินสดหลังจากมีการยกเลิกใช้งานธนบัตรใบละ 500 และ 1,000 รูปี ซึ่งคิดเป็น 85% ของเงินสดที่หมุนเวียนในกระแสเงินสดของอินเดียทั้งหมด
ในเวลานั้น ตำรวจต้องถูกเรียกตัวมาจัดการคิวที่ยาวเหยียดของลูกค้าหน้าธนาคารที่วิตกกังวลและหวังจะเปลี่ยนรูปแบบการเก็บเงินของพวกเขา
คนที่มีรายได้น้อย พ่อค้าแม่ค้า และผู้ฝากเงินตามปกติจำนวนมากซึ่งพึ่งพาเศรษฐกิจแบบเงินสดล้วนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากนโยบายนี้ของรัฐบาล
โดยนักการเมือง นักวิเคราะห์ และชาวอินเดียทั่วไปโต้แย้งกันมานานหลายเดือนว่า นโบายการยกเลิกธนบัตรของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิจะประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลว
ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นถึงคำตอบที่ชัดเจน โดยในหน้า 195 ของรายงานประจำปีของธนาคารกลางอินเดีย ระบุว่า เกษตรกรรม เศรษฐกิจในชนบท และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งพึ่งพาการทำธุรกรรมเป็นเงินสดเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากนโนยบายนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียชะลอตัว
แต่นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า นโยบายนี้ก็มีผลลัพธ์เชิงบวก เช่น การตรวจสอบเงินสดก่อนที่จะเข้าสู่ระบบธนาคาร ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง
“ ขณะที่ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า การปฏิบัติตามนโยบายยกเลิกการใช้ธนบัตรไม่ได้ให้ผลลัพธ์ในครั้งเดียว แต่ได้นำไปสู่การจัดระบบการคลังในการฝากเงิน และช่วยให้ดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง” นักเศรษฐศาสตร์รายหนึ่งในนครมุมไบกล่าวกับสื่อรอยเตอร์
ทั้งนี้ ผู้สังเกตการณ์จำนวนหนึ่งคิดว่า ตัวเลขจากทางธนาคารจะสร้างความเสียหายให้แก่รัฐบาล ซึ่งเคยสามารถขจัดคำพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายปราบปรามทุจริตด้วยการยกเลิกธนบัตรไปได้ และคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง รวมถึงชัยชนะครั้งใหญ่ในรัฐอุตตรประเทศเมื่อเดือนมี.ค.