อิสราเอล-ฮามาส หยุดยิงหลังสู้กัน 11 วัน
วอชิงตัน – เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ครม.ฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอลมีมติยอมรับข้อตกลงหยุดยิง หลังจากมีการยิงต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธฮามาสมาถึง 11 วันทั้งในพื้นที่อิสราเอลและฉนวนกาซา ทำใหเกิดความหวังว่าความรุนแรงที่เลวร้ายนานหลายปีใกล้ถึงจุดจบ
ในการให้สัมภาษณ์กับเครือข่ายโทรทัศน์อาหรับ กลุ่มฮามาสระบุว่า ทางกลุ่ม “ยอมรับการการันตีจากคนกลางผู้ไกล่เกลี่ย” ว่าอิสราเอลจะระงับการยิงโจมตีฉนวนกาซา และการหยุดยิงจะเริ่มต้นในเวลา 02.00 น.ของวันที่ 21 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ระบุในการให้สัมภาษณ์วันเดียวกันไม่นานหลังจากนั้นว่านายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูแห่งอิสราเอลแจ้งกับเขาว่าอิสราเอลตกลงหยุดยิงร่วมกันโดยไม่มีเงื่อนไข โดยจะเริ่มในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงนี้
ไบเดนระบุว่า อียิปต์ชี้แจงว่ากลุ่มฮามาสตกลงที่จะหยุดยิงเช่นกัน เขาขอบคุณประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซีแห่งอียิปต์ที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นคนช่วยไกล่เกลี่ยในเหตุการณ์นี้
“ ผมเชื่อว่าชาวปาเลสไตน์และอิสราเอลควรมีความเท่าเทียมที่จะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและมั่นคง รวมถึงมีความสุขกับเสรีภาพ ความมั่งคั่งและประชาธิปไตย” ไบเดนระบุจากทำเนียบขาว
“รัฐบาลของผมจะดำเนินการทางการทูตอย่างเงียบๆโดยไม่ย่อท้อต่อไปจนถึงจุดจบ ผมเชื่อว่าเรามีโอกาสอย่างแท้จริงที่จะทำให้เรื่องนี้ก้าวหน้า และผมรับปากจะทำงานเพื่อเรื่องนี้” เขาเสริม
ข่าวการหยุดยิงมีขึ้นหลังจากมีการต่อสายคุยกันระหว่างไบเดนและเนทันยาฮู โดยในระหว่างการพูดคุย ไบเดนระบุว่าคาดการณ์ว่าความรุนแรงจะลดระดับลงอย่างชัดเจน อ้างอิงจากแถลงการณ์ของทำเนียบขาว
เป็นการพูดคุยครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและฮามาส (พรรคการเมืองอิสลามของปาเลสไตน์ที่ใช้ชื่อเดียวกับกลุ่มติดอาวุธที่คุมฉนวนอาซา) อุบัติขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลสูงเกิน 200 ราย ในบรรดาเหยื่อผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงและเด็กกว่า 100 ราย ในอิสราเอล มี 12 รายเสียชีวิตจากจรวดที่ฝ่ายฮามาสยิงช่วงบ่ายวันที่ 20 พ.ค.
การยิงต่อสู้รอบล่าสุดเป็นความรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสปะทุขึ้นในปี 2557 เป็นต้นมา
ในการแถลงเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ไบเดนแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์และอิสราเอล และยืนยันอีกครั้งว่า สหรัฐฯจะทำงานร่วมกับสหประชาชาติและอื่นๆ เพื่อจัดหาความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้ประชาชนในกาซาและช่วยฟื้นฟูดินแดน
ทำเนียบขาวในช่วงหลายวันก่อนข้อตกลงหยุดยิง ดำเนินกลยุทธ์ที่เรียกว่าการทูตแบบเงียบๆอยู่เบื้องหลัง
“เรามีการคุยกว่า 60 สาย จากประธานกลุ่มต่างๆ ผู้นำอาวุโสในอิสราเอล ทางการปาเลสไตน์ และผู้นำคนอื่นๆในภูมิภาค” นับตั้งแต่เริ่มมีความขัดแย้ง คารีน ฌอง-ปิแอร์ รองโฆษกทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 19 พ.ค.
“ท่านประธานาธิบดีได้ทำในส่งที่ทำมานานหลายทศวรรษ ท่านเชื่อว่านี่เป็นวิธีการที่เราจำเป็นต้องทำ” เธอเสริม
ไบเดนดูลังเลใจที่จะกดดันเนทันยาฮูต่อสาธารณะให้หยุดโจมตีปาเลสไตน์ทางอากาศ นี่ทำให้มีข้อเรียกร้องจากส.ส.พรรคเดโมแครตในสภาและพันธมิตรสหรัฐฯในต่างประเทศให้สหรัฐฯมีบทบาทชัดเจนขึ้นและมีการกดดันทางการทูตกับอิสราเอล ซึ่งมีการพึ่งพาสหรัฐฯมากในด้านอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหาร
ทั้งนี้ ในระหว่างการพูดคุยของไบเดนกับเนทันยาฮู เป็นการยืนยันว่าสหรัฐฯสนับสนุนสิทธิของอิสราเอลในการป้องกันตนเองจากการโจมตีด้วยจรวดจากทางฮามาส ไบเดนยังกล่าวกับสื่อว่า สหรัฐฯจะช่วยอิสราเอลเติมเต็มระบบไอรอนโดม ซึ่งใช้ในการดักสกัดจรวดโจมตี