EU เปิดพรมแดนรับต่างชาติฉีดวัคซีนแล้ว
บรัสเซลส์ : เมื่อวันที่ 19 พ.ค. สหภาพยุโรปมีมติให้ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มการเดินทางเพื่อควบคุมโควิด-19 กับนักเดินทางต่างชาติก่อนหน้าฤดูร้อนนี้ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว เป็นการขับเคลื่อนครั้งสำคัญเพื่อเปิดพรมแดนรับนักเดินทางชาวอังกฤษและอเมริกันที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบ 2 โดสแล้ว
บรรดาทูตจาก 27 ประเทศสมาชิกอียูมีมติรับรองข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยุโรปตั้งแต่ 3 พ.ค.ที่ให้ผ่อนคลายเกณฑ์มาตรฐานสำหรับประเทศที่ระบุว่าปลอดภัย และนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว
คาดการณ์ว่าจะมีการระบุรายชื่อใหม่ในสัปดาห์นี้ หรือต้นสัปดาห์หน้า หากอ้างอิงจากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป อังกฤษและประเทศอื่นๆจะเข้าเกณฑ์มาตรฐานใหม่นี้ ขณะที่สหรัฐฯจะไม่เข้าเกณฑ์ นอกจากจะเป็นชาวอเมริกันที่แสดงหลักฐานว่าฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบแล้ว
ทูตรายหนึ่งของอียูระบุว่า แต่ละประเทศในอียูมีนโยบายของตัวเอง อย่างเช่น โปรตุเกสที่ประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามเดินทางเข้าประเทศที่บังคับใช้นาน 4 เดือนกับพลเมืองสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา
ภายใต้มาตรการคุมเข้มปัจจุบัน ประชาชนจาก 7 ประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย อิสราเอล และสิงคโปร์ สามารถเดินทางเข้าอียูได้ช่วงวันหยุด ไม่ว่าจะฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีนก็ตาม
โดยแต่ละประเทศในอียูสามารถเลือกให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือมาตรการกักตัวกับนักเดินทางได้
เกณฑ์มาตรฐานปัจจุบันคือ ต้องไม่มีอัตราการติดเชื้อใหม่เกิน 25 รายต่อประชากร 100,000 คนในช่วง 14 วันที่ผ่านมา แนวโน้มนี้ควรคงที่ หรือน้อยกว่านี้ ควรมีจำนวนการตรวจที่เพียงพอ และควรรวมประเด็นความกังวลเรื่องไวรัสกลายพันธุ์เข้าไปด้วย
คณะกรรมาธิการเสนอให้ผ่อนปรนอัตราการติดเชื้อเป็น 100 รายต่อประชากร 100,000 คน แต่บรรดาทูตเลือกให้อยู่ที่ 75 รายแทน สำหรับนักเดินทางที่รับวัคซีนครบแล้ว ต้องเป็นวัคซีนต้านโควิด-19 ที่อียูและองค์การอนามัยโลกรับรอง
โดยนักเดินทางเหล่านี้ต้องได้รับวัคซีนโดสที่ 2 อย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทาง ภายใต้แผนนี้ ประเทศในอียูจะยกเว้นมาตรการกักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวอียูที่ฉีดวัคซีนแล้ว เหมือนกับนักเดินทางที่ไม่ใช่พลเมืองอียูที่ฉีดวัคซีนแล้ว
ทั้งนี้ เด็กๆสามารถเดินทางร่วมกับผู้ปกครองที่ฉีดวัคซีนแล้ว
อาจมีการใช้เบรกฉุกเฉินได้เพื่อเป็นการระงับนักเดินทางจากประเทศที่มีความเสี่ยงจะนำไวรัสกลายพันธุ์เข้าอียู เหมือนที่อียูใช้กับอินเดีย
แผนการนี้ของอียูครอบคลุมประเทศที่มีเชงเก้นวีซ่า รวมถึงประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกอียูอย่างไอซ์แลนด์ ลิกเทนสไตน์ นอร์เวย์และสวิตเซอร์แลนด์ แต่ไม่รวมไอร์แลนด์