แคนาดาอนุมัติวัคซีน ‘ไฟเซอร์’ ของเด็ก 12 – 15 ปี
หน่วยงานกำกับดูแลด้านสาธารณสุขของแคนาดาให้การอนุมัติรับรองวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ – ไบโอเอนเทคสำหรับเด็กวัย 12 ปีขึ้นไป
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ดร.สุปรียา ชาร์มา หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขแคนาดาประกาศยืนยันการตัดสินใจอนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 สำหรับเด็กวัย 12 – 15 ปีและระบุว่าจะช่วยให้เด็กๆกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
โดยก่อนหน้านี้ มีการอนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 สำหรับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
คาดการณ์ว่าองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) จะอนุมัติรับรองวัคซีนของไฟเซอร์สำหรับเด็กในสัปดาห์หน้า เพื่อเป็นการเตรียมการฉีดวัคซีนให้เด็กๆก่อนจะเริ่มปีการศึกษาหน้า
คำประกาศนี้มีขึ้นไม่ถึงเดือนหลังจากบริษัทพบว่าวัคซีนของบริษัทที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้กับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป สามารถป้องกันกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่าได้ด้วย
ช่วงปลายเดือนมี.ค. ไฟเซอร์เผยผลเบื้องต้นจากการศึกษาวัคซีนที่ทดสอบกับอาสาสมัคร 2,260 คนวัย 12 – 15 ปีที่ชี้ว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อในกลุ่มวัยรุ่นที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีนหลอก
บริษัทระบุว่า เด็กๆที่ฉีดวัคซีนมีผลข้างเคียงเหมือนกับกลุ่มวัยรุ่น โดยผลข้างเคียงหลักคืออาการปวด มีไข้ หนาวและอ่อนเพลีย โดยเฉพาะหลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2
มีการทำการศึกษาต่อเนื่องเพื่อติดตามอาสาสมัครผู้เข้าร่วมทดลองนาน 2 ปีเพื่อให้ได้ข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับการปกป้องระยะยาว และความปลอดภัยของวัคซีน
แคนาดาเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้ประชาชนมาหลายเดือน และคาดว่าจะมีผู้รับวัคซีนอย่างน้อย 10 ล้านคนในเดือนนี้ กว่า 34% ประชากรในแคนาดาได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว
ไฟเซอร์ไม่ใช่บริษัทเดียวที่พยายามลดการจำกัดอายุของผู้รับวัคซีนลง โดยบริษัทโมเดอร์นาระบุว่า ผลการศึกษากับเด็กวัยรุ่นอายุ 12 -17 ปีแสดงให้เห็นว่าผลการป้องกันที่สูงของวัคซีนและไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง ขณะที่อีกบริษัทในสหรัฐฯคือโนวาแวกซ์ มีผลการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ในระยะสุดท้าย และเริ่มทำการศึกษากับเด็กวัยรุ่นอายุ 12 – 17 ปีเช่นกัน
มีการทดสอบต่อไปว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพกับเด็กที่มีอายุน้อยลงกว่านี้หรือไม่ โดยทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นาเริ่มทำการศึกษาในสหรัฐฯกับเด็กวัย 6 เดือน – 11 ปี
ผลการศึกษาพบว่าทารก เด็กก่อนวัยเรียนและเด็กประถมจำเป็นต้องได้รับวัคซีนในโดสที่แตกต่างจากเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ โดยไฟเซอร์คาดการณ์ว่าจะทราบผลการศึกษาครั้งแรกหลังเดือนก.ย.ปีนี้