สหรัฐฯ ขยายฉีดวัคซีน ‘ไฟเซอร์’ ให้เด็ก 12 ปี
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. หน่วยงานที่กำกับดูแลในสหรัฐฯ ขยายขอบเขตการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้เด็กวัยรุ่น โดยจะฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ – ไบโอเอนเทคให้กับเด็กอายุน้อยที่สุดคือ 12 ปี เพื่อปกป้องเด็กนักเรียนก่อนจะกลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนอีกในปีนี้
โดยจะเริ่มฉีดวัคซีนเร็วที่สุดในวันที่ 13 พ.ค. หลังจากคณะกรรมการที่ปรึกษาวัคซีนกลางออกคำแนะนำให้ใช้วัคซีน 2 โดสกับเด็กวัย 12 – 15 ปี คาดการณ์ว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 พ.ค.
วัคซีนต้านโควิด-19 ส่วนใหญ่ใช้กับผู้ใหญ่ ขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์ฉีดให้เด็กอายุต่ำสุดคือ 16 ปีในหลายประเทศ และแคนาดากลายเป็นประเทศแรกที่ขยายช่วงอายุการฉีดวัคซีนให้จนถึงเด็กวัย 12 ปี
บรรดาผู้ปกครอง ผู้บริหารโรงเรียนและหน่วยงานสาธารณสุขของประเทศอื่นๆต่างเฝ้ารอการอนุมัติวัคซีนเพื่อให้ใช้งานครอบคลุมกับเด็กๆมากขึ้น
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนออกแถลงการณ์ยกย่องเรื่องนี้ว่าเป็น “การพัฒนาตามสัญญาในการต่อสู้กับไวรัส”
“หากคุณเป็นพ่อแม่ที่อยากจะปกป้องลูก หรือเด็กวัยรุ่นที่สนใจจะรับวัคซีน การตัดสินใจในวันนี้จะช่วยให้เข้าใกล้เป้าหมายได้เร็วขึ้น” ไบเดนระบุ
เด็กๆส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อโควิด-19 จะแสดงอาการของโรคเพียงเล็กน้อย หรือไม่แสดงอาการเลย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเด็กๆจะไม่มีความเสี่ยงที่จะมีอาการป่วยรุนแรง และพวกเขายังสามารถแพร่เชื้อไวรัสได้ด้วย
ดร.วิลเลียม กรูเบอร์ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์วัคซีนของไฟเซอร์ ระบุว่า การฉีดวัคซีนให้เด็กๆวัยรุ่นจะช่วยขยายจำนวนประชากรที่มีภูมิคุ้มกัน และปกป้องกลุ่มนี้ที่ไม่ได้ปลอดจากอาการรุนแรงโดยสิ้นเชิง
องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ประกาศว่าวัคซีนของไฟเซอร์มีความปลอดภัย และสามารถปกป้องกลุ่มวัยรุ่นจากไวรัสโคโรนาได้อย่างแข็งแกร่งจากการทดสอบกับอาสาสมัครกว่า 2,000 คนในวัย 12 – 15 ปี
ไฟเซอร์ไม่ใช่บริษัทเดียวที่พยายามลดการจำกัดอายุของผู้รับวัคซีนลง โดยบริษัทโมเดอร์นาระบุว่า ผลการศึกษากับเด็กวัยรุ่นอายุ 12 -17 ปีแสดงให้เห็นถึงผลการป้องกันที่สูงของวัคซีนและไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง ขณะที่อีกบริษัทในสหรัฐฯคือโนวาแวกซ์ มีผลการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ในระยะสุดท้าย และเริ่มทำการศึกษากับเด็กวัยรุ่นอายุ 12 – 17 ปีเช่นกัน
มีการทดสอบต่อไปว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพกับเด็กที่มีอายุน้อยลงกว่านี้หรือไม่ โดยทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นาเริ่มทำการศึกษาในสหรัฐฯกับเด็กวัย 6 เดือน – 11 ปี
ผลการศึกษาพบว่าทารก เด็กก่อนวัยเรียนและเด็กประถมจำเป็นต้องได้รับวัคซีนในโดสที่แตกต่างจากเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ โดยไฟเซอร์คาดการณ์ว่าจะทราบผลการศึกษาครั้งแรกหลังเดือนก.ย.
ขณะที่นอกสหรัฐฯ บริษัทแอสตราเซเนกากำลังทำการศึกษาวัคซีนของตัวเองกับเด็กวัย 6 – 17 ปีในสหราชอาณาจักร และในจีน บริษัทซิโนแวคเพิ่งประกาศว่า ได้ยื่นข้อมูลเบื้องต้นให้หน่วยงานที่กำกับดูแลของจีนที่ชี้ว่าวัคซีนของบริษัทมีความปลอดภัยกับเด็กที่มีอายุน้อยที่สุดคือ 3 ปี