ผลผลิตทองคำต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าว ANZ ระบุว่า ซัพพลายทองคำจากเหมืองหลายแห่งลดน้อยลง “อย่างรุนแรง” ในปีนี้ หนุนให้ราคาทองคำต้องเผชิญกับความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์
Daniel Hynes นักยุทธศาสตร์อาวุโสด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ ANZ ระบุว่า “ การเติบโตของผลผลิตจากเหมืองแร่อยู่ในจุดต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน โดยที่เพิ่มขึ้นมีเพียงแค่ความเสี่ยงเท่านั้น ”
นาย Hynes ระบุว่า การผลิตทองคำร่วงลงกว่า 2% ใน 5 เดือนแรกของปี 2560 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน เขาอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติทางโลหะโลก โดยในเดือน พ.ค.เพียงเดือนเดียว มียอดการผลิตที่ลดลงถึง 3.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
การปรับเปลี่ยนนโยบายการผลิตในหมู่ประเทศผู้ผลิตกำลังสร้างความไม่แน่นอนและส่งผลกระทบต่อซัพพลายในปัจจุบัน
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ในทานซาเนียประกาศให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านนโยบายทรัพยากร ทำให้เกิดความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งรวมถึงค่าสัมปทานที่มอบให้รัฐบาลเองก็ต้องเพิ่มสูงตามขึ้นไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงสิทธิบัตรเหมืองแร่ในแอฟริกาใต้ หรือผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อีกราย ซึ่งอาจต้องการแรงของคนงานเหมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ของบริษัทเจ้าของเหมืองแร่
นาย Hynes เสริมว่า “ เนื่องจากสภาวะการลงทุนที่ลดน้อยลง เป็นไปได้ว่าเราคงจะไม่เห็นการฟื้นตัวของซัพพลายในเหมืองทองคำในอนาคตอันใกล้แน่นอน ”
ในขณะเดียวกัน ความต้องการหรือดีมานด์ของผู้บริโภคกลับเพิ่มสูงขึ้น
อ้างอิงจากสภาทองคำโลกระบุว่า ความต้องการในทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพิ่มขึ้นถึง 13% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 โดยได้รับแรงผลักดันจากจีนที่มีความต้องการในทองคำสูงมากถึง 56%
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากการที่ผู้คนกว้านซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องมาจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ อย่างเช่นความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ รวมถึงสัญญาณจากประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ที่ต้องการจะยกเลิกข้อตกลงทางนิวเคลียร์กับอิหร่าน
เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น 0.4% จาก 1,287.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 15.30 น. โดยทาง ANZ ยังคาดไว้ว่าราคาทองคำในอีก 3 เดือนจะสูงขึ้นเป็น 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์. หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 33.44 บาท /19 ส.ค.2560