ทรัมป์ชมคิมจองอึนฉลาดที่ไม่ถล่มเกาะกวม
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ โพสต์ชื่นชมประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ยับยั้งแผนการยิงจรวดขีปนาวุธไปโจมตีเกาะกวม ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของสหรัฐฯ
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตเมื่อช่วงเช้าว่า “ คิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือตัดสินใจได้ฉลาดและมีเหตุผลดีมาก หากเลือกทางอื่นอาจทำให้เกิดภัยพิบัติและยอมรับไม่ได้ ”
ผู้นำสหรัฐฯ เอ่ยถึงการตัดสินใจของประธานาธิบดีคิมที่ตัดสินใจสั่งระงับแผนยิงจรวด 4 ลูกไปที่น่านน้ำรอบเกาะกวมในมหาสมุทรแปซิฟิก อย่างที่เคยขู่สหรัฐฯ ไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ทำให้โลกต้องอยู่ในภาวะตึงเครียดด้วยการเตือนว่า เกาหลีเหนือจะต้องเจอกับไฟและความโกรธเกรี้ยวจากสหรัฐฯ หากเกาหลีเหนือยังไม่หยุดขู่สหรัฐฯ และพันธมิตรด้วยโครงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
สื่อของเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ว่า ผู้นำเกาหลีเหนือพิจารณาทบทวนแผนที่เคยประกาศว่าจะยิงถล่มฐานทัพสหรัฐฯ บนเกาะกวม และตัดสินใจไม่ดำเนินการตามแผน โดยรายงานข่าวนี้มีขึ้นหลังจากเจมส์ แมททิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เตือนว่า หากเกาหลีเหนือโจมตีอาณาเขตของสหรัฐฯ ก็จะเป็นการเปิดฉากการสู้รบกันทันที โดยรัฐมนตรีแมททิสกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่เพนตากอนเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ว่า “ คุณจะไม่ยิงคนในโลกนี้ ถ้าคุณไม่ต้องการแบกรับผลที่จะตามมา ”
ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศพุ่งขึ้นถึงขีดสุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากผู้นำสหรัฐฯ แสดงความเห็นอย่างก้าวร้าวรุนแรงต่อเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่อง ทำให้เกาหลีเหนือโต้ตอบด้วยการประกาศแผนที่จะยิงจรวดขีปนาวุธไปถล่มฐานทัพสหรัฐฯ บนเกาะกวม ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับสหรัฐฯ
ทั้งนี้ การประกาศแผนการโจมตีเกาะกวมของเกาหลีเหนือ ไม่เพียงแต่ถูกประณามอย่างรุนแรงจากสหรัฐฯ แต่ยังรวมถึงจากญี่ปุ่นด้วย โดยญี่ปุ่นติดตั้งระบบป้องกันจรวดให้กับฐานทัพหลายแห่งทั่วประเทศในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อเป็นมาตรการป้องกันตัว
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. จีนซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีเหนือเตือนสหรัฐฯและเกาหลีเหนือให้แตะเบรกกับทุกความเห็นที่จะยั่วยุอารมณ์ให้เกิดสถานการณ์ที่ร้อนระอุระหว่างกัน
คำชื่นชมของประธายาธิบดีทรัมป์ที่มีต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีคิมมีขึ้นไม่ถึงสัปดาห์ก่อนที่จะมีการร่วมซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ โดยการร่วมซ้อมรบประจำปีของทั้งสองประเทศจะมีขึ้นในวันที่ 21 ส.ค.และมีระยะเวลา 10 วัน.