WHO เตือนอัตราติดเชื้อใกล้สูงสุด
ลอนดอน – เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ผู้บริหารสูงสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นขาขึ้น ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสมทั่วโลกพุ่งขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดเป็นต้นมา
“ ทั่วโลก ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราที่น่ากังวล” ดร.เทดรอส อดานอม กีบรีเยซุสระบุในการแถลงข่าวที่มุ่งเน้นที่ปาปัวนิวกินี และประเทศแปซิฟิกตะวันตก
“ ทั่วโลก จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อสัปดาห์เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในรอบกว่าสองเดือนที่ผ่านมา นี่เกือบจะเป็นอัตราการติดเชื้อสูงที่สุดเท่าที่เราเคยประสบมาจนถึงตอนนี้ในช่วงการแพร่ระบาด” เขากล่าวต่อ
“หลายประเทศที่ก่อนหน้านี้สามารถหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อเป็นวงกว้างได้ ตอนนี้กลับติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว” ดร.เทดรอสกล่าว โดยยกปาปัวนิกินีเป็นตัวอย่าง
เขาระบุว่า WHO จะประเมินวิวัฒนาการของโควิด-19 และปรับเปลี่ยนคำแนะนำให้เหมาะสม
ภายใต้กฎระเบียบสาธารณสุขนานาชาติ เขาระบุว่ามีการประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินของ WHO ในวันที่ 15 เม.ย. และเขาคาดการณ์ว่าจะได้รับคำแนะนำในวันที่ 19 เม.ย.
“ ทั่วโลก ที่เราต้องการส่งสารถึงทุกคนในทุกประเทศยังคงเดิม เราทุกคนล้วนมีบทบาทในการช่วยยุติการแพร่ระบาด” เขากล่าว
มีรายงานผู้ป่วยยืนยันสะสมจากโควิด-19 กว่า 139 ล้านรายทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิต 2.9 ล้านราย จากข้อมูลที่รวบรวมโดยม.จอห์นส์ ฮอปกินส์
โดย WHO ประกาศว่าโควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลกในวันที่ 11 มี.ค. 2563
เทดรอสเคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า หนึ่งในภารกิจหลักของ WHO คือขับเคลื่อนโครงการ COVAX เพื่อช่วยทุกประเทศให้มีวัคซีนเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้
คาดการณ์แต่แรกว่า โครงการ COVAX จะสามารถจัดส่งวัคซีนเกือบ 100 ล้านโดสให้ผู้คนได้ภายในสิ้นเดือนมี.ค. แต่ในความเป็นจริงคือสามารถกระจายวัคซีนได้เพียง 38 ล้านโดสเท่านั้น
WHO หวังว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายในช่วงไม่กี่เดือนนี้ และยังประณาม “ความไม่สมดุลอย่างน่าตกใจ” ในการกระจายวัคซีนระหว่างประเทศรายได้สูงและประเทศรายได้น้อย
ทาง WHO ยังได้วิจารณ์ประเทศที่มุ่งเจรจาทำข้อตกลงนอกโครงการ COVAX เพื่อเหตุผลทางการเมือง หรือในเชิงพาณิชย์
ตั้งแต่ต้นปีนี้ เทดรอสเตือนว่า โลกมีความล้มเหลวด้านจริยธรรม จากประเด็นความไม่เท่าเทียมกันด้านวัคซีน โดยเขากล่าวว่า วิธีการเพื่อให้ประเทศตัวเองได้วัคซีนก่อนจะทำให้ประเทศยากจนที่สุดและกลุ่มคนที่เปราะบางอยู่ในความเสี่ยง