สหรัฐฯระงับใช้วัคซีน J&J หลังเกิดลิ่มเลือด
วอชิงตัน : เมื่อวันที่ 13 เม.ย.หน่วยงานสาธารณสุขส่วนกลางของสหรัฐฯแนะนำให้ระงับการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน & จอห์นสันอย่างน้อย 2 – 3 วัน หลังพบหญิงวัยต่ำกว่า 50 ปี 6 คนมีภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีน
บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันระบุว่า จะเลื่อนการกระจายวัคซีนในยุโรป หนึ่งสัปดาห์หลังจากหน่วยงานที่กำกับดูแลในยุโรประบุว่า กำลังพิจารณาทบทวนการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากผู้ได้รับวัคซีน 4 รายในสหรัฐฯ ขณะที่แอฟริกาใต้ก็ระงับการใช้วัคซีนตัวนี้เช่นกัน
แจเนต วูดค็อก รักษาการคณะกรรมการอ.ย.สหรัฐฯ (FDA) ระบุว่า ทางหน่วยงานคาดการณ์ว่าจะระงับการใช้วัคซีนสักระยะ และมุ่งเน้นให้ข้อมูลกับบุคลากรทางการแพทย์ในการวินิจฉัยและรักษาลิ่มเลือด
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากองค์การยาของยุโรประบุก่อนหน้านี้ว่า พบความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนต้านโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาและปัญหาการเกิดภาวะลิ่มเลือดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต
ปีเตอร์ มาร์คส์ เจ้าหน้าที่ FDA ระบุว่า “ชัดเจน” ว่ากรณีวัคซีนของ J&J เหมือนกันกับวัคซีนของแอสตราเซเนกา โดยเขาระบุว่า ยังไม่มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดที่เชื่อมโยงจากวัคซีนของโมเดอร์นาและวัคซีนของไฟเซอร์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน และเป็นวัคซีนที่ใช้ฉีดเป็นส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ จนถึงตอนนี้
แต่เนื่องจากวัคซีนของ J&J ที่ใช้ฉีดเพียงโดสเดียว และวัคซีนของแอสตราเซเนกามีราคาถูก ทำให้เป็นวัคซีนสองตัวที่มีจุดเด่นสำคัญในการต่อสู้กับโควิด-19 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันให้ความเห็นสอดคล้องกับทางการสหรัฐฯว่า ความเสี่ยงที่เกิดจากวัคซีน J&J ดูจะต่ำมาก
“ อัตราการเสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับวัคซีน คือประมาณ 6 รายจากประมาณ 7 ล้านโดส ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ต้องตระหนก”
ดร.อเมช อดัลจา ผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่อที่ศูนย์ความมั่นคงด้านสุขภาพจอห์นส์ ฮอปกินส์ในบัลติมอร์ระบุในอีเมล โดยชี้ว่า วัคซีนมีความเสี่ยงน้อยที่จะทำให้เกิดลิ่มเลือด เขาแสดงความกังวลว่า การระงับใช้วัคซีนอาจทำให้ประชาชนเกิดความลังเลมากขึ้นที่จะรับวัคซีน
FDA ระบุว่ามีรายงานผู้เสียชีวิตหนึ่งรายจากภาวะลิ่มเลือดหลังได้รับวัคซีน J&J ขณะที่อีกรายมีอาการวิกฤต
ทำเนียบขาวระบุว่า มีการปรับเปลี่ยนกำหนดการรับวัคซีนของ J&J ทั่วประเทศไปเป็นวัคซีนตัวอื่น
“ เรามีซัพพลายวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาเพียงพอที่จะฉีดต่อได้ประมาณ 3 ล้านโดสต่อวัน และจะทำให้เราบรรลุตามเป้าหมายของประธานาธิบดีคือ 200 ล้านโดสภายใน 100 วันที่ท่านเข้าดำรงตำแหน่ง” เจฟฟ์ เซียนต์ส ผู้ประสานงานโควิด-19 ของทำเนียบขาวกล่าวในการแถลงข่าว
มีการกระจายและฉีดวัคซีนของ J&J อย่างจำกัด จนถึงวันที่ 13 เม.ย. มีการฉีดวัคซีนของ J&J ในสหรัฐฯ 7.2 ล้านโดส เมื่อเทียบกับวัคซีนจากอีกสองบริษัทที่มีการฉีดไปถึง 185 ล้านโดส
หุ้นของบริษัท J&J ดิ่งลง 1.6% โดยบริษัทระบุว่า ได้ทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานที่กำกับดูแล และชี้ว่าไม่มีความเชื่อมโยงชัดเจนระหว่างการเกิดลิ่มเลือดและวัคซีนของบริษัท
วัคซีนของ J&J และแอสตราเซเนกาใช้เทคโนโลยี Virus Vector เหมือนกัน ขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาใช้เทคโนโลยี mRNA
J&J เพิ่งเริ่มจัดส่งวัคซีนให้ประเทศในสหภาพยุโรปในสัปดาห์นี้