แคลิฟอร์เนียเปิดธุรกิจเต็มรูปแบบ 15 มิ.ย.
ซาคราเมนโต – เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัมระบุว่า แคลิฟอร์เนียจะเปิดธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 15 มิ.ย. หากตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงอย่างมีเสถียรภาพ และซัพพลายวัคซีนมีเพียงพอสำหรับทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปที่ต้องการฉีดวัคซีน
มีความเคลื่อนไหวเพื่อยุติการแพร่ระบาดในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของสหรัฐฯ โดยทางการยังคงเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง มีตัวเลขการฉีดวัคซีนประมาณ 360,000 โดสต่อวัน และมีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วประมาณ 7.5 ล้านคน
“เราสามารถเริ่มวางแผนเพื่อชีวิตหลังโรคระบาดได้” ผู้ว่าฯนิวซัมระบุ “เราจะยังคงต้องระวังตัว และปฏิบัติตามมาตรการเดิมที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้ คือ การสวมหน้ากากอนามัยและฉีดวัคซีน แต่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ไม่เคยสว่างไปกว่านี้”
หากมีตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำและมีซัพพลายวัคซีนเพียงพอ ก็จะมีการปิดธุรกิจอย่างเต็มที่ แต่คาดว่าจะยังต้องกำหนดให้มีการสวมหน้ากากอนามัยและกระตุ้นให้ประชาชนไปรับการฉีดวัคซีน
แคลิฟอร์เนียเป็นหนึ่งในรัฐแรกๆ ที่ชัทดาวน์เศรษฐกิจในช่วงการระบาดเมื่อปีที่แล้ว และเป็นหนึ่งในรัฐที่มีความเข้มงวดสูงสุดในประเทศ ขณะที่รัฐอื่นๆ รวมทั้งเท็กซัส ได้ยกเลิกมาตรการคุมเข้มส่วนใหญ่ไปหมดแล้ว แต่แคลิฟอร์เนียยังเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดที่ยังเข้มงวดอยู่
โดยนิวซัม จากพรรคเดโมแครต กำลังเผชิญกับเสียงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐคนใหม่ เนื่องจากไม่พอใจมาตรการที่เข้มงวดของเขา และมีเสียงสนับสนุนจากบรรดานักเคลื่อนไหวฝั่งรีพับลิกัน
คำประกาศแผนการที่จะเปิดธุรกิจในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก มีขึ้นในช่วงเวลาเพียงสองเดือนกว่าที่หลายรัฐ รวมทั้งมิชิแกนและฟลอริดาเริ่มรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น รวมถึงผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่พบในอังกฤษ ในขณะที่หลายรัฐพยายามผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม
ในซานตาคลาราเคาน์ตี ที่ตั้งของฮับเทคโนโลยีซิลิคอนวัลลีย์ ทางการได้เตือนในสัปดาห์ที่แล้วว่า การต่อสู้กับการระบาดนั้นมีความเสี่ยง และชี้ว่าความพยายามทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเริ่มสะดุด
ทั้งนี้ แคลิฟอร์เนียรายงานตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสมจากโควิด-19 เกือบ 3.6 ล้านราย นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาด และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 59,000 ราย โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,112 รายในวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา