‘มาครง’ ล็อกดาวน์ฝรั่งเศสรอบ 3
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศสสั่งล็อกดาวน์ฝรั่งเศสทั้งประเทศเป็นครั้งที่ 3 และระบุว่าให้โรงเรียนปิดนาน 3 สัปดาห์ เพื่อเป็นการควบคุมการติดเชื้อโควิด-19 ในระลอกสามที่ส่งผลกระทบกับโรงพยาบาล
ด้วยตัวเลขผู้เสียชีวิตเกือบ 100,000 ราย , เตียงในห้องไอซียูในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด และแผนการฉีดวัคซีนที่ชะลอตัวเกินคาดการณ์ ทำให้มาครงต้องล้มเลิกเป้าหมายที่จะเปิดประเทศเพื่อปกป้องเศรษฐกิจ
“ เราจะคุมไม่อยู่ ถ้าเราไม่เคลื่อนไหวตอนนี้” ประธานาธิบดีระบุในการแถลงข่าวทางโทรทัศน์
คำประกาศของเขาหมายความว่ามาตรการคุมเข้มที่มีบังคับใช้อยู่แล้วนานกว่าสัปดาห์ในกรุงปารีส และพื้นที่ทางเหนือและทางใต้ จะมีผลกับทั้งประเทศฝรั่งเศสอย่างน้อยนานหนึ่งเดือน ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.เป็นต้นไป
และเพื่อเป็นการคุ้มครองการศึกษาจากโควิด-19 มาครงระบุว่าโรงเรียนจะปิดทำการเรียนการสอนนาน 3 สัปดาห์หลังช่วงสุดสัปดาห์นี้
ตั้งแต่ต้นปี มาครงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เนื่องจากต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นโดยเร็วจากที่เคยตกต่ำในปีที่แล้วก่อน แต่มีการลงทุนน้อยลงเนื่องจากยังมีการแพร่ระบาดทั่วฝรั่งเศสและหลายประเทศในยุโรป
สำหรับเด็กนักเรียน หลังจากสุดสัปดาห์นี้ จะเป็นการเรียนทางไกลนาน 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะเป็นวันหยุดนาน 2 สัปดาห์ของโรงเรียน ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิมในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ
“ เป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเพื่อชะลอไวรัส” มาครงระบุ โดยเสริมว่า เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ถือว่าฝรั่งเศสประสบความสำเร็จที่สามารถเปิดเรียนมาได้ในช่วงการแพร่ระบาด
ตั้งแต่เดือนก.พ. ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า คือมีค่าเฉลี่ยเกือบ 40,000 รายต่อวัน จะนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในห้องไอซียูพุ่งสูงแตะ 5,000 ราย สูงกว่าช่วงพีคของการล็อกดาวน์นาน 6 สัปดาห์ในปีที่แล้ว
โดยมาครงระบุว่า จะเพิ่มเตียงผู้ป่วยอาการหนักเป็น 10,000 เตียง
กระทรวงการคลังระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่มีความเสี่ยงจะชะลอการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสที่เคยตกต่ำในปีที่แล้ว เนื่องจากต้องปิด 150,000 ธุรกิจชั่วคราว มีความเสียหายถึง 11,000 ล้านยูโร หรือราว 403,757 ล้านบาทต่อเดือน
เศรษฐกิจที่ตกต่ำในฝรั่งเศส ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยูโรโซน อาจดับความหวังของยุโรปที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังการแพร่ระบาด เหมือนกับจีนและสหรัฐฯ
มาครงระบุว่า จำเป็นต้องเร่งการฉีดวัคซีน หลังจากมีปัญหาซัพพลายวัคซีนขาดแคลนในช่วงแรก และจนถึงตอนนี้ มีประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้วเพียง 12% เท่านั้นในฝรั่งเศส
ผู้นำฝรั่งเศสระบุว่า ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปสามารถเริ่มฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่กลางเดือนเม.ย. และผู้ที่มีอยู่ในวัย 50 กว่าปีจะสามารถฉีดได้หลังจากนั้นหนึ่งเดือน โดยฝรั่งเศสยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายเดิมคือมีประชากรผู้ใหญ่ฉีดวัคซีนถึง 30 ล้านคนภายในช่วงกลางเดือนมิ.ย.
มาครงให้ความหวังโดยระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์ในเดือนเม.ย.และการเร่งฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้นจะทำให้ฝรั่งเศส เปิดธุรกิจของประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. โดยเริ่มจากพิพิธภัณฑ์ บาร์และร้านอาหารที่ให้ลูกค้านั่งนอกร้าน
“ เราเห็นทางออกจากวิกฤตครั้งนี้” มาครงกล่าว