สหรัฐฯแบ่งวัคซีนโควิด 4 ล้านโดสให้เม็กซิโก/แคนาดา

วอชิงตัน – สหรัฐฯมีแผนจะจัดส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาประมาณ 4 ล้านโดสที่ไม่ได้ใช้ให้กับเม็กซิโกและแคนาดาจากการทำข้อตกลงให้กู้ยืมวัคซีนกับสองประเทศ และถือเป็นการแบ่งปันวัคซีนให้กับประเทศพันธมิตร
เจน พีซาคี โฆษกหญิงของทำเนียบขาวระบุว่า เม็กซิโกจะได้รับวัคซีนจำนวน 2.5 ล้านโดส และแคนาดาจะได้รับวัคซีนจำนวน 1.5 ล้านโดส
“ ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาในขั้นสุดท้าย แต่เป็นสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้” พีซาคีกล่าวในการแถลงข่าว “ การทำให้แน่ใจว่าประเทศเพื่อนบ้านของเราควบคุมไวรัสได้ดี เป็นภารกิจสำคัญเพื่อยุติการแพร่ระบาด”
รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนถูกกดันจากหลายประเทศทั่วโลกให้แบ่งปันวัคซีน โดยเฉพาะสต็อกวัคซีนของแอสตราเซเนกาที่มีอยู่ ซึ่งได้รับการอนุมัติรับรองให้ใช้ได้ทั่วโลก แต่ยังไม่ผ่านการรับรองในสหรัฐฯ
โดยวัคซีนหลายล้านโดสของแอสตราเซเนกาผลิตในโรงงานที่สหรัฐฯ และระบุว่าจะผลิตได้ถึง 30 ล้านโดสพร้อมใช้งานในช่วงต้นเดือนเม.ย. มูลค่าหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นเล็กน้อยหลังสื่อรายงานข่าวนี้
ข้อตกลงในการแบ่งวัคซีนล็อตนี้ให้จะไม่ส่งผลกระทบกับแผนการของไบเดนที่กำหนดให้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับประชากรผู้ใหญ่ทุกคนในสหรัฐฯภายในสิ้นเดือนพ.ค.อ้างอิงจากแหล่งข่าวอาวุโส และจะไม่ลดจำนวนซัพพลายวัคซีนที่มีในสหรัฐฯ
วัคซีนแอสตราเซเนกาล็อตนี้จะเป็นการให้กู้ยืมภายใต้ข้อตกลงที่สหรัฐฯคาดว่าจะได้รับวัคซีนคืน อ้างอิงจากแหล่งข่าวอาวุโส
พีซาคีระบุว่า สหรัฐฯมีวัคซีนของแอสตราเซเนกา 7 ล้านโดส แต่ยังไม่มีแผนจะแบ่งวัคซีนให้ประเทศอื่นอีกในตอนนี้นอกจากเม็กซิโกและแคนาดา
“ เราได้รับคำขอวัคซีนจากหลายประเทศทั่วโลก และแน่นอนว่าเราจะมีการพูดคุยต่อไป” เธอกล่าว
เมื่อถูกถามว่าทำไมจึงเลือกเม็กซิโกและแคนาดา เธอระบุว่า “ ทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านของเรา พวกเขาถือเป็นหุ้นส่วนของเรา”
ประธานาธิบดีแอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์แห่งเม็กซิโกได้ร้องขอวัคซีนมา โดยเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลระบุว่า มีหลายประเทศที่อยู่ในระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับการขอกู้ยืมวัคซีน
“เรากำลังทำงานด้วยวิธีการทางการทูต” เขาระบุ
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เม็กซิโกพึ่งพาวัคซีนจากจีนและรัสเซียสำหรับโครงการฉีดวัคซีนในประเทศ
ขณะที่แหล่งข่าวของรัฐบาลแคนาดาระบุว่า “ เรามีการพูดคุยเป็นอย่างดีกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับวัคซีนที่จะให้ยืมมาก่อน แต่ยังมีงานต้องทำอีกมาก ”
ไบเดนเคยระบุว่า หากมีวัคซีนเกินจำนวน จะแบ่งให้กับประเทศอื่นๆในโลก โดยทำเนียบขาวจะมุ่งเน้นฉีดวัคซีนให้ประชาชนในสหรัฐฯ (ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กว่า 530,000 ราย มากที่สุดในโลก) ก่อน
โดยเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ไบเดนระบุว่า เป้าหมายของเขาในการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสภายใน 100 วันที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีมาถึงเร็วกว่ากำหนดเดิมคือในวันที่ 19 มี.ค.
“เร็วกว่ากำหนดเดิมหลายสัปดาห์” ไบเดนระบุ
ทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐฯเตรียมพร้อมจะฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาภายในประเทศ หลังจากอ.ย.สหรัฐฯอนุมัติรับรองให้ใช้วัคซีนตัวนี้ได้
สหรัฐฯรับปากว่าจะให้งบช่วยเหลือจำนวน 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับโครงการโคแวกซ์ ซึ่งเป็นโครงการวัคซีนที่ตั้งเป้ากระจายวัคซีนให้ประเทศยากจนทั่วโลกอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ สหรัฐฯไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาเพื่อให้มีวัคซีนเพียงพอที่จะฉีดให้ประชากรผู้ใหญ่ในสหรัฐฯทุกคนภายในสิ้นเดือนพ.ค. เนื่องจาก 3 บริษัทผู้ผลิตวัคซีนคือ ไฟเซอร์ – ไบอนเทค , โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ทำสัญญาจะจัดส่งวัคซีนเกือบ 500 ล้านโดสให้สหรัฐฯภายในช่วงเวลาที่กำหนด