เตือนสหรัฐฯ อาจติดเชื้อพุ่งอีกรอบ
วอชิงตัน – หลายรัฐในสหรัฐฯ คลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีคำเตือนจากดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้บริหารสาธารณสุขสูงสุดจากรัฐบาลกลางว่า อาจมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นมากอีกครั้ง หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อชะลอตัวลง และสหรัฐฯจำเป็นต้องควบคุมการรระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ รัฐแอริโซนา แคลิฟอร์เนียและเซาธฺแคโรไลนาเริ่มคลายมาตรการคุมเข้มร่วมกับรัฐอื่นๆในวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ว่าการรัฐยุติการจำกัดจำนวนคนใช้บริการในหลายธุรกิจ แต่ระบุว่า ทุกคนยังต้องสวมหน้ากากอนามัย
ขณะที่ผู้ว่าการรัฐเซาธ์แคโรไลนา ที่มาจากพรรครีพับลิกันยกเลิกข้อกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ราชการ ขณะที่ยังแนะนำให้ลูกค้าในร้านอาหารยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย
รัฐแคลิฟอร์เนียอนุญาตให้เริ่มเปิดสวนสนุก จัดกีฬากลางแจ้งและงานอีเวนต์ได้ตั้งแต่ 1 เม.ย. โดยต้องลดความหนาแน่นของผู้ใช้บริการและต้องสวมหน้ากากอนามัย
“ เราเพิ่งผ่านประสบการณ์ที่มีคนติดเชื้อมากที่สุดมา” ดร.เฟาซีระบุในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว โดยเสริมว่าสหรัฐฯ มีจำนวนผู้ติดเชื้อคงที่ประมาณ 60,000 – 70,000 รายต่อวัน “ เมื่อเรายังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากอยู่ หมายความว่าเรายังมีความเสี่ยงที่จะมีการติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นได้อีกระลอก”
ค่าเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ประมาณ 61,000 รายในวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว อ้างอิงจากข้อมูลของสื่อนิวยอร์กไทม์ส แต่ตัวเลขยังคงใกล้กับช่วงพีคของฤดูร้อนปีที่แล้ว
ตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงด้วยเช่นกัน อาจเป็นเพราะมีการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในสถานดูแล อย่างไรก็ตาม ทั่วประเทศยังคงมีผู้เสียชีวิตประมาณ 2,000 รายต่อวัน
ดร.เฟาซีเตือนว่า สถานการณ์ในสหรัฐฯ อาจซ้ำรอยสถานการณ์ในยุโรป
“ยุโรปเคยมีผู้ติดเชื้อสูงมาก ตอนนี้ลดลง แต่ในสัปดาห์ก่อน กลับมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 9% ซึ่งเป็นสถานการณ์ย่ำแย่ที่เราอยากหลีกเลี่ยง”
เขาเตือนถึงการกลายพันธุ์ของไวรัส ที่อาจเพิ่มจำนวนขึ้นในกลุ่มประชาชนที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน ดังนั้น จึงควรสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือและรักษาระยะห่างทางสังคมให้เหมือนเดิม
ทั้งนี้ ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ B117 ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล และจนถึงสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มว่าจะมีสัดส่วนคิดเป็น 20% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่
และนักวิทยาศาสตร์ในรัฐโอเรกอนระบุอัตลักษณ์การกลายพันธุ์ในประเทศรายหนึ่ง ที่มีสายพันธุ์เดียวกันกับ B117 ซึ่งอาจส่งผลกับประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโควิด-19
ก่อนหน้านี้ รัฐเท็กซัสและมิสซิสซิปปี ที่มีผู้ว่าการรัฐมาจากพรรครีพับลิกันประกาศยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัย ทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนตำหนิว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ขณะที่รัฐโอไฮโอระบุว่าจะยกเลิกมาตรการสาธารณสุขเมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างน่าพอใจ ขณะที่รัฐอลาบามาระบุว่า จะขยายเวลามาตรการสวมหน้ากากอนามัยออกไปจนถึง 9 เม.ย.
ในนิวยอร์ก ยังคงมีการจำกัดจำนวนลูกค้าในร้านอาหาร และในวันที่ 4 มี.ค. รัฐคอนเนคติกัตระบุว่า จะยุติการจำกัดจำนวนคนในร้านอาหาร ฟิตเนส และสำนักงานในเดือนนี้ แต่ยังมีการกำหนดให้สวมหน้ากากในทั้งสองรัฐ
ดร.โรเชล วาเลนสกี ผอ.ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (CDC) ขอร้องให้ทุกรัฐอย่าเพิ่งประกาศคลายมาตรการคุมเข้ม โดยรายงานฉบับใหม่ของ CDC พบว่า เคาน์ตีที่อนุญาตให้เปิดร้านอาหารและรับประทานที่ร้านได้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ผลการศึกษายังระบุว่า การกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัยช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลงได้ภายในไม่กี่สัปดาห์เช่นกัน