ตร.ยิงกระสุนยางกดดันม็อบในย่างกุ้ง
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ตำรวจเมียนมายกระดับการปราบปรามผู้ชุมนุมต้านรัฐประหาร ด้วยการยิงกระสุนยางเข้าใส่ผู้ประท้วงในนครย่างกุ้ง หลังจากเจ้าหน้าที่พิเศษของสหประชาชาติประจำเมียนมาแตกแถวด้วยการขอร้องให้มีปฏิบัติการต้านกองทัพ
เมียนมาถูกเขย่าด้วยคลื่นการประท้วงเพื่อประชาธิปไตยครั้งใหญ่ตั้งแต่กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจการบริหารประเทศมาจากนางอองซานซูจีในวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
ทางการค่อยๆใช้กำลังเพื่อกดดันการชุมนุม ทั้งการใช้แก๊สน้ำตา ฉีดพ่นน้ำแรงดันสูง และใช้กระสุนยางเพื่อสลายกลุ่มผู้ประท้วง นอกจากนี้ยังมีการใช้กระสุนจริงด้วยในการชุมนุมในเมืองที่ห่างไกล
ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ตำรวจใช้กระสุนยา่งสลายการชุมนุมที่สี่แยก Myaynigone ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งมีการเผชิญหน้ากันนานหลายชั่วโมงในวันที่ 26 ก.พ.
“ ตำรวจทำอะไรเนี่ย กำลังปกป้องเผด็จการบ้าคลั่ง” ผู้ประท้วงร้องตะโกนขณะวิ่งหนีการไล่ล่าของตำรวจ
ผู้ประท้วงชนกลุ่มน้อยชาวมอญหลายร้อยคนที่มารวมตัวกันที่นั่นเพื่อรำลึกถึงวันชาติมอญ มีกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆมาร่วมด้วยเพื่อประท้วงต้านรัฐประหาร
โดยตำรวจรายงานว่า มีการจับกุมตัวผู้ประท้วงได้อย่างน้อย 15 รายจากการปะทะกัน
สื่อท้องถิ่นโพสต์รายงานเหตุการณ์สดบนเฟซบุ๊ก รวมทั้งช่วงเวลาที่มีการยิงกระสุนจริง และมีผู้สื่อข่าวจากต่างประเทศเป็นพยานในเหตุการณ์ด้วย
ผู้ประท้วงที่ใช้นามแฝงว่า โมโม วัย 23 ปี ระบุว่า “ เราจะพยายามหาวิธีอื่นในการประท้วง เพราะเรากลัวการปราบปรามของรัฐบาล”
“เราอยากจะสู้จนกว่าเราจะชนะ”
มีรายงานว่า มีผู้สื่อข่าว 3 คนที่ถูกควบคุมตัว คือช่างภาพของสำนักข่าวเอพี ตากล้องวีดีโอของสื่อเมียนมานาว และช่างภาพของสมาคมช่างภาพสื่อเมียนมา
เมื่อวันที่ 26 ก.พ. วิกฤตในเมียนมารุนแรงขึ้นในเวทีนานาชาติเมื่อเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำยูเอ็นแสดงการต่อต้านรัฐบาลในวาระพิเศษของการประชุมสมัชชาใหญ่ด้วยการประกาศความภักดีต่อรัฐบาลพลเรือนของนางซูจีที่ถูกโค่นอำนาจไป และเรียกร้องให้โลกกดดันกองทัพเมียนมาให้คืนอำนาจให้ประชาชน
นอกจากนี้ เขายังขอให้บรรดาพี่น้องชายและหญิงในเมียนมาต่อสู้ต่อไปเพื่อโค่นล้มกองทัพด้วย
“การปฏิวัติครั้งนี้ต้องชนะ” เขากล่าวและชูสามนิ้วที่เป็นสัญลักษณ์ในการต่อต้านเผด็จการ
การร้องขอที่เชิดชูประชาธิปไตยของเขาถือเป็นการฉีกกฎของเมียนมา่ และได้รับการปรบมือจากบรรดาผู้เข้าประชุม มีรายงานล่าสุดว่ารัฐบาลทหารสั่งปลดทูตคนนี้แล้ว
นายพลอาวุโสมินอ่องหล่ายได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจทั้งนิติบัญญัติ บริหาร และยุติธรรมอย่างเบ็ดเสร็จในเมียนมา
นับเป็นการยุติช่วงเวลา 10 ปีของการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยในประเทศ
นางซูจี ซึ่งไม่เคยปรากฎตัวต่อสาธารณะตั้งแต่ถูกควบคุมตัว ถูกตั้งข้อหา 2 ข้อหาจากการนำเข้าวิทยุสื่อสารวอล์คกี้ทอล์คกี้ผิดกฎหมายและละเมิดมาตรการคุมเข้มโควิด-19
มีการคาดการณ์กันว่าเธอจะเข้าฟังการพิจารณาคดีในศาลในวันที่ 1 มี.ค.นี้ แต่ทนายความของเธอยังไม่สามารถติดต่อเธอได้
มีผู้ถูกจับกุมทั้งหมดกว่า 770 คน โดยถูกตั้งข้อหาและลงโทษตั้งแต่มีการยึดอำนาจในวันที่ 1 ก.พ. และมี 680 คนที่ถูกคุมขัง จากข้อมูลของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง