สหรัฐฯ ดับจากโควิด-19 เกือบ 5 แสนคน
วอชิงตัน – แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐฯจะลดลง แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 พุ่งสูงเกือบ 5 แสนราย และประธานาธิบดีโจ ไบเดนมีแผนจะจัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิต
ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันในสหรัฐฯลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 และทางการกำลังเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้ยังคงเพิ่มขึ้นใกล้แตะ 500,000 รายแล้ว
เป็นเวลานานเกือบปีที่สหรัฐฯเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดวิกฤตสาธารณสุขและวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุด
“ ไม่มีอะไรเหมือนกับที่เราผ่านมาในช่วง 102 ปีนับตั้งแต่เกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปนในปี 2461 เป็นต้นมา มันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เราประสบมาแล้ว และเราจะต้องผ่านไปให้ได้” ดร.แอนโธนี เฟาซี ที่ปรึกษาด้านการแพทย์ประจำทำเนียบขาวและผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่ออันดับ 1 ของประเทศกล่าวให้สัมภาษณ์
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ทำเนียบขาวระบุว่า มีแผนจะจัดงานรำลึกถึงผู้เสียชีวิต โดยประธานาธิบดีไบเดนจะเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์
โดยโฆษกทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีไบเดน พร้อมด้วยสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จิล ไบเดน , รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส และสามี ดัก เอมฮอฟฟ์ จะร่วมยืนสงบนิ่งไว้อาลัยในวันที่ 22 ก.พ. และจะมีการจุดเทียนในพิธีรำลึกในช่วงพระอาทิตย์ตก
ในเดือนม.ค. ไบเดนเคยเข้าร่วมในพิธีไว้อาลัยให้ผุ้เสียชีวิตในช่วงเย็นก่อนวันทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีที่หน้าสระน้ำอนุสาวรีย์ลินคอล์น
สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อสะสมจากโควิด-19 กว่า 28 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 497,862 ราย แม้อัตราผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงมาต่ำสุดตั้งแต่ก่อนวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าและเทศกาลคริสต์มาส
ดร.เฟาซีระบุว่า ตัวเลขที่ลดลง “ นั้นดีมากๆ แต่เรายังคงอยู่ในระดับที่ยังสูงอยู่ เราต้องลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดให้ได้ก่อนที่เราจะเริ่มคิดว่าาเราหมดปัญหาแล้ว”
เฟาซีกล่าวกับสื่อว่า ชาวอเมริกันยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยในปี 2565 แม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม
การแพร่ระบาดและมีการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 มากขึ้น และอาจต้องฉีดเพิ่มอีกขึ้นอยู่กับว่าจะมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นมาอีกหรือไม่
ประชากรสหรัฐฯได้รับวัคซีนโดสแรกแล้วไม่ถึง 15% โดยเกือบ 43 ล้านคนได้รับวัคซีนโดสแรก และเกือบ 18 ล้านคนได้รับวัคซีนโดสที่ 2 จากข้อมูลของสำนักงานสถิคิของสหรัฐฯ
เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การรับประทานอาหารนอกบ้าน และความเคลื่อนไหวให้ โรงเรียนเปิดทำการเรียนการสอน แม้มีหลายล้านคนที่ยังรอฉีดวัคซีนอยู่ ก่อให้เกิดการถกเถียงกันเรื่องความปลอดภัยของครู นักเรียนและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมองในแง่ดีเกี่ยวกับปีนี้ เมื่อสภาคองเกรสกำลังพิจารณาผ่านร่างกฎหมายเยียวยากระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดว่าสภาผู้แทนราษฎรจะโหวตเห็นชอบในสัปดาห์นี้ และวุฒิสภาจะผ่านความเห็นชอบก่อน 14 มี.ค.