อินเดียผงาด ผลิตวัคซีนโควิดรองจากสหรัฐฯ
อินเดียอาจกลายเป็นประเทศผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 รายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และนักวิเคราะห์ระบุว่าประเทศมีศักยภาพมากพอที่จะผลิตวัคซีนให้ประชากรทั้งในประเทศตัวเองและบรรดาประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ
โดยวัคซีนส่วนใหญ่ในโลกมีประวัติศาสตร์มาจากอินเดีย แม้แต่ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประเทศในเอเชียใต้แห่งนี้ผลิตวัคซีนได้ประมาณ 60% ของวัคซีนในโลก และสามารถผลิตในราคาที่ถูกกว่า
“อินเดียกลายเป็นฮับผลิตวัคซีน ตั้งแต่ก่อนการระบาดของโควิด-19 แล้ว และจึงควรเป็นหุ้นส่วนในการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ทั่วโลก” นักวิเคราะห์ประจำ JPMorgan ระบุในรายงานเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
Deloitte บริษัทที่ปรึกษาทำนายว่า อินเดียจะเป็นประเทศที่ 2 รองจากสหรัฐฯในแง่ของประเทศผู้ผลิตวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาในปีนี้ โดย PS Easwaran หุ้นส่วนของ Deloitte India ระบุว่า อินเดียจะผลิตวัคซีนต้านโควิดได้กว่า 3,500 ล้านโดสในปี 2564 นี้ เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ คือประมาณ 4,000 ล้านโดส
นอกจากนี้ บริษัทในอินเดียยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นได้
“ เรากำลังขยายศักยภาพรายปีของเรา เพื่อให้สามารถจัดส่งวัคซีนโคแวคซิน (Covaxin) ของเราได้ 700 ล้านโดส” บริษัทภารัต ไบโอเทคของอินเดีย ซึ่งพัฒนาวัคซีนโควิดร่วมกับสภาวิจัยทางการแพทย์แห่งอินเดียซึ่งเป็นของรัฐบาล
โดยโคแวคซินผ่านการอนุมัติรับรองเพื่อการใช้งานฉุกเฉินในอินเดีย แต่ถูกวิจารณ์ว่าขาดความโปร่งใสในการอนุมัติ และยังไม่มีการตีพิมพ์ข้อมูลประสิทธิภาพของวัคซีนมากพอ
วัคซีนอีกตัวมีชื่อเรียกว่า โควิชีลด์ (Covishield) ซึ่งพัฒนาร่วมกับบริษัทแอสตราเซเนกา และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ก็ผ่านการอนุมัติเพื่อการใช้งานฉุกเฉินในอินเดีย โดยมีการผลิตในประเทศร่วมกับสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (STI)
จากข้อมูลของรอยเตอร์ STI ผลิตวัคซีนโควิชีลด์ได้ประมาณ 50 ล้านโดสต่อเดือน และมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 100 ล้านโดสต่อเดือนภายในเดือนมี.ค.
บริษัทผู้ผลิตรายอื่นในอินเดียทำข้อตกลงที่จะผลิตวัคซีนให้บริษัทผู้พัฒนารายอื่น เช่น กองทุนการลงทุนโดยตรงแห่งรัสเซีย และบริษัทจอห์นสัน & จอห์นสันของสหรัฐฯ แต่วัคซีนเหล่านี้ยังไม่ผ่านการอนุมัติรับรองแต่อย่างใด
วัคซีนที่ผลิตในอินเดีย มีการขนส่งที่ง่ายกว่าและราคาถูกกว่า ทำให้อินเดียเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสหรัฐฯและยุโรปในการผลิตเพื่อรองรับความต้องการในประเทศกำลังพัฒนา
โดยวัคซีนที่อินเดียผลิตในปัจจุบันสามารถจัดเก็บในตู้เย็นปกติ แต่วัคซีนของไฟเซอร์ – ไบออนเทค จำเป็นต้องเก็บในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส และวัคซีนของโมเดอร์นา ต้องเก็บในอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส
ความท้าทายแท้จริงคือจำนวนประชาชนที่ต้องการฉีดวัคซีน
“นี่เป็นครั้งแรกที่มีการฉีดวัคซีนให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ในจำนวนมากเท่านี้ นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน” เรดดี จาก Public Health Foundation of India ระบุ
โดยเขาเสริมว่า ตามปกติแล้ว โครงการสร้างภูมิคุ้มกันมุ่งเน้นที่การฉีดวัคซีนให้เด็กและบรรดาแม่ๆ และเครือข่ายโลจิสติกส์ไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับวัคซีนของประชากรทั้งประเทศ
เรดดีชี้ว่า เชนการขนส่งอาหารแช่แข็งสามารถใช้ในการขนส่งวัคซีนได้ และหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
“ ผมพูดได้ว่า อุปสรรคที่มีอยู่จะทำให้โครงการฉีดวัคซีนชะลอตัวลง มากกว่าจะเป็นการปิดกั้นเพื่อให้โครงการยุติ ”