วัคซีน ‘แอสตราเซเนกา’ คุมโควิดกลายพันธุ์แอฟริกาใต้ไม่อยู่
วัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดดูจะมีประสิทธิภาพจำกัดในการปกป้องผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่มากจากโควิดกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ จากแถลงการณ์ของบริษัท
แถลงการณ์ในวันที่ 6 ก.พ. มีขึ้นหลังจากสื่อไฟแนนเชียลไทม์รายงานว่า วัคซีนไม่อาจป้องกันอาการของโรคในระดับเล็กน้อยถึงปานกลางที่เกิดจากไวรัสโควิดกลายพันธุ์ที่ตรวจพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้
โดยสื่อรายงานโดยอ้างอิงจากการทดสอบวัคซีนที่จัดทำโดยม.วิทวเทอร์สแตรนด์แห่งแอฟริกาใต้ร่วมกับม.ออกซ์ฟอร์ด โดยผลการวิจัยมีกำหนดจะตีพิมพ์ในวันที่ 8 ก.พ.
เชิงอรรถของรายงานชี้ว่า จากอาสาสมัครอายุน้อยและมีสุขภาพดีที่เข้าร่วมการทดสอบกว่า 2,000 คน ไม่มีใครเข้ารักษาในโรงพยาบาล หรือมีผู้เสียชีวิต แต่ผลการทดสอบยังไม่ผ่านการตรวจทานจากผู้เชี่ยวชาญ
โฆษกบริษัทแอสตราเซเนการะบุว่า “ ในการทดสอบกลุ่มย่อยในระยะ 1 และ 2 ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพจำกัดกับผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากไวรัสกลายพันธุ์ B1351 ที่พบในแอฟริกาใต้”
“ อย่างไรก็ตาม เรายังไม่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพวัคซีนที่มีกับผู้ติดเชื้ออาการหนัก และเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นกลุ่มคนอายุน้อยที่สุขภาพดี”
โดยบริษัทระบุว่า เชื่อว่าวัคซีนสามารถปกป้องผู้ติดเชื้ออาการหนักได้ เท่ากับวัคซีนโควิด-19 ตัวอื่นๆ
โฆษกยังระบุว่า แอสตราเซเนกาปรับปรุงวัคซีนให้มีผลกัลไวรัสกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ และ “จะมีการพัฒนาทางคลินิกอย่างรวดเร็ว เพื่อให้พร้อมสำหรับการจัดส่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี”
บรรดาไวรัสโควิดกลายพันธุ์ในปัจจุบันที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญกังวลจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อเรียกว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้ อังกฤษ และบราซิล ซึ่งมีการแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น
บริษัทผู้พัฒนาวัคซีนรายอื่นทั้งจอห์นสัน&จอห์นสัน และโนแวกซ์ก็ระบุเช่นเดียวกันว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพลดลงจากการทดสอบวัคซีนในแอฟริกาใต้
โดยวัคซีนจอห์นสัน & จอห์นสันมีประสิทธิภาพ 57% ในแอฟริกาใต้ เมือเทียบกับ 72% ในสหรัฐฯ และ 66% ในลาตินอเมริกา ขณะเดียวกัน โนแวกซ์ระบุว่าวัคซีนของบริษัทมีประสิทธิภาพ 89.3% จากการทดสอบในสหราชอาณาจักร แต่มีประสิทธิภาพเพียง 50% จากการทดสอบในแอฟริกาใต้
บริษัทโมเดอร์นาเองรายงานว่าวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันลดลงกับไวรัสกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ และระบุว่าจะทดสอบวัคซีนใหม่ที่ตั้งเป้ากับไวรัสสายพันธุ์ใหม่
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า การกลายพันธุ์เน้นให้เห็นว่าจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนก่อนที่จะมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิมอุบัติขึ้นมาอีก