จีนอนุมัติวัคซีนของซิโนแวค
ปักกิ่ง – เมื่อวันที่ 6 ก.พ. บริษัทซิโนแวค ไบโอเทคระบุว่า วัควีนต้านโควิด-19 ของบริษัทได้รับการอนุมัติรับรองเพื่อการใช้งานทั่วไปโดยหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องยาของจีน
ทำให้เป็นวัคซีนต้านโควิด-19 ตัวที่ 2 ที่ผ่านการรับรองเพื่อใช้งานในจีน หลังจากวัคซีนจากซิโนฟาร์ม ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตยาของภาครัฐผ่านการอนุมัติรับรองตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ที่ผ่านมา มีการฉีดทั้งสองวัคซีนในโครงการนำร่องของจีนที่ตั้งเป้าให้กลุ่มสำคัญที่มีความเสี่ยงสูงจะติดเชื้อไวรัส
โดยอินโดนีเซีย ตุรกี บราซิล ชิลี โคลอมเบีย อุรุกวัยและลาว ต่างอนุมัติรับรองวัคซีนเพื่อการใช้งานฉุกเฉินสำหรับวัคซีนโคโรนาแวคที่พัฒนาโดยซิโนแวค ไลฟ์ ไซแอนซ์ บริษัทระบุในการแถลงข่าว
ซิโนแวคระบุว่า การอนุมัติรับรองวัคซีน 2 โดสของ National Medical Products Administration ในจีน เป็นผลจากการทดสอบวัคซีนทางคลินิกระยะสุดท้ายนาน 2 เดือนในต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้ข้อมูลการวิเคราะห์สุดท้าย
คาดการณ์ว่าซิโนแวคไลฟ์ไซแอนซ์จะสามารถผลิตวัคซีนได้กว่า 1,000 ล้านโดสต่อปีหากมีวัตถุดิบในการผลิตภายในเดือนก.พ. โดยได้ขยายกำลังการผลิตไปถึงขวดวัคซีนและเข็มฉีดยา ซึ่งปัจจุบันยังล่าช้าในการผลิต
มีการทดสอบวัคซีนซิโนแวคทางคลินิกระยะ 3 ในหลายประเทศ ทั้งบราซิล ตุรกี และอินโดนีเซีย โดยมีการแยกเผยแพร่ตัวเลขประสิทธิภาพในแต่ละประเทศ
ในบราซิล ผลการทดสอบชี้ว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพ 50.65% สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ 12,396 คนที่มีอายุมากกว่า 18 ปีในวันที่ 16 ธ.ค.63 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 253 ราย จากแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 ก.พ.
นักวิจัยท้องถิ่นระบุว่า อัตราความสำเร็จในการทดสอบวัคซีนอยู่ที่ 91.25% ในตุรกี จากพื้นฐานการวิเคราะห์เบื้องต้น 29 ราย
ขณะที่ผลการทดสอบวัคซีนในอินโดนีเซีย มีอัตราประสิทธิภาพอยู่ที่ 65.3%
บราซิล ซึ่งมีอัตราการแพร่ระบาดรุนแรงกว่าประเทศอื่นๆ และมุ่งเน้นทดสอบกับบุุคลากรทางการแพทย์ เป็นปัจจัยสำคัญที่ซิโนแวคเชื่อว่าอาจมีตัวเลขประสิทธิภาพต่ำกว่าที่อื่น อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ไม่ระบุชื่อในเดือนมี.ค.
จากการทดสอบในบราซิลยังพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ 83.7% สำหรับผู้ที่ต้องรับการรักษาจากแพทย์ และมีประสิทธิภาพ 100% สำหรับผู้รับการรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิตในการทดสอบเดียวกัน อ้างอิงจากแถลงการณ์ของซิโนแวคเมื่อวันที่ 5 ก.พ.
ซิโนแวคระบุเมื่อเดือนม.ค.ว่า อัตราการป้องกันไวรัสอยู่ที่เกือบ 70% จากผลสังเกตการณ์กลุ่มย่อยที่มีขนาดเล็กลงมาในการทดสอบวัคซีนในบราซิล ซึ่งอาสาสมัครที่เข้าร่วมในการทดสอบได้รับวัคซีน 2 โดสห่างกันนาน 3 สัปดาห์ แทนที่จะเป็น 2 สัปดาห์ เหมือนคนส่วนใหญ่