ทาคาตะยื่นล้มละลาย
บริษัททาคาตะ บริษัทผู้ผลิตถุงลมนิรภัยสัญชาติญี่ปุ่น ที่ทำให้เกิดการเรียกคืนรถยนต์ครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ได้ยื่นล้มละลายเพื่อฟื้นฟูกิจการในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
และตกลงจะรับการเข้าซื้อกิจการจำนวน 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากบริษัท Key Safety Systems (KSS) ในสหรัฐฯ ซึ่งมีเจ้าของเป็นกลุ่มทุนจีน
ทาคาตะต้องประสบกับปัญหาหนี้สินและค่าใช้จ่ายนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการเรียกคืนรถยนต์และการต่อสู้คดีทางกฎหมายมาเป็นเวลานานเกือบทศวรรษ โดยปัญหาจากถุงลมนิรภัยของบริษัทที่มีข้อบกพร่องทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย และบาดเจ็บอีก 180 รายทั่วโลก เนื่องจากถุงลมระเบิดและมีเศษชิ้นส่วนโลหะปลิวกระแทกใส่ผู้ขับขี่
โดย TK Holdings ซึ่งเป็นบริษัทผู้ดำเนินกิจการในสหรัฐฯ ได้ยื่นล้มละลายเพื่อฟื้นฟูกิจการในเมืองเดลาแวร์เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ด้วยจำนวนหนี้สิน 10,000 – 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่บริษัทแม่ในญี่ปุ่นยื่นล้มละลายเพื่อฟื้นฟูกิจการกับศาลแขวงกรุงโตเกียวเมื่อเช้าวันที่ 26 มิ.ย.
Scott Caudill ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TK Holdings ให้การในศาลว่า บริษัทต้องประสบกับการเคลมที่เกี่ยวข้องกับการเรียกคืนรถที่ยากเกินกว่าจะรับมือได้ และมีหนี้นับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เขาเปิดเผยว่า ทาคาตะได้เรียกคืน หรือคาดว่าจะเรียกคืนรถยนต์ถึงประมาณ 125 ล้านคันทั่วโลกภายในปี 2562 ซึ่งรวมถึงรถกว่า 60 ล้านคันในสหรัฐฯ
มีการประเมินจากบริษัทวิจัยโตเกียวโชโกะรีเสิร์ชว่า มูลค่าหนี้สินทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านเยน หรือ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ การยื่นล้มละลายของบริษัทเป็นการเปิดกว้างให้มีการกอบกู้สถานะทางการเงินจาก Key Safety Systems (KSS) ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ในรัฐมิชิแกน และมีเจ้าของคือบริษัท Ningbo Joyson Electronic Corp ของจีน
จากการเจรจานาน 16 เดือน ก็มีการสรุปเป็นข้อตกลงว่า ทาง KSS ตกลงที่จะเทคโอเวอร์กิจการของทาคาตะ และบริษัทจะยังคงให้พนักงาน 60,000 คนของทาคาตะใน 23 ประเทศทำงานต่อไป และยังมีโรงงานในญี่ปุ่น โดยจากข้อตกลง KSS จะให้ทาคาตะทำงานต่อไปโดยไม่มีการแทรกแซง และจะเข้ามายุ่งกับซัพพลายเชนให้น้อยที่สุด
“ เราเชื่อว่า การยื่นล้มละลายในญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เป็นหนทางที่ดีที่สุด เพื่อให้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายและหนี้สินที่เกิดจากชิ้นส่วนถุงลมของเรา ” อ้างอิงจากถ้อยแถลงของซีอีโอชิเงฮิสะ ทาคาดะ
โดยทางทาคาตะมีแผนจะสร้างตัว inflator ของโมเดลรุ่นเก่าอีกประมาณ 5 ปีในโรงงานในจีน วอชิงตัน และเม็กซิโก และจะไม่มีการผลิต inflator ในโรงงานที่เยอรมนี
ทางซีอีโอของบริษัทแถลงข่าวว่า เขาและผู้บริหารจะลาออกเมื่อมีการปรับโครงสร้างบริษัท โดยครอบครัวของเขาซึ่งควบคุมบริษัทที่มีมานาน 84 ปี มีแนวโน้มที่จะปิดฉากการเป็นผู้ถือหุ้น.