จำคุก 20 ปีอดีตผู้นำเกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ศาลฎีกาของเกาหลีใต้มีคำพิพากษาโทษจำคุก 20 ปีกับอดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเยในข้อหารับสินบนและข้อหาอื่นๆ นับเป็นคดีคอร์รัปชั่นครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศที่ทำให้ชื่อเสียงของอดีตผู้นำหญิงคนแรกที่เคยเจิดจรัสต้องดับวูบ
คำพิพากษาประธานาธิบดีพัค ซึ่งต้องออกจากตำแหน่งหลังถูกจับกุมในปี 2560 ทำให้เธอต้องรับโทษจำคุก 22 ปี หลังมีอีกข้อหาที่มีการแทรกแซงอย่างผิดกฏหมายกับการลงสมัครรับเลือกตั้งในพรรคการเมืองของเธอก่อนหน้าการเลือกตั้งสภาในปี 2559
แต่โทษจำคุกของเธอ ทำให้เธอมีสิทธิ์ที่จะได้รับการอภัยโทษสำหรับประธานาธิบดี ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังแตกแยกร้าวลึกก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนมี.ค.ปีหน้า
ประธานาธิบดีมุนแจอิน ซึ่งมีแนวคิดเสรีนิยมและชนะการเลือกตั้งหลังพัคหลุดจากตำแหน่ง เป็นผู้มีอำนาจโดยตรงที่จะสั่งอภัยโทษให้อดีตผู้นำหญิงคนนี้
และยังมีอีกอย่างน้อย 1 คนจากพรรคประชาธิปไตยของมุน คือประธานอีนัคยอน ที่เสนอความคิดที่จะอภัยโทษให้ทั้งพัค และอดีตประธานาธิบดีอีมยองบัค ที่อยู่ในระหว่างการรับโทษจำคุก 17 ปีจากข้อหาคอร์รัปชั่น เพื่อเป็นสัญญาณของ “ความเป็นเอกภาพของชาติ”
โดยพัค ในวัย 68 ปี ระบุว่าเธอเป็นเหยื่อของการแก้แค้นทางการเมือง ที่ผ่านมา เธอปฏิเสธที่จะเข้าร่วมในการไต่สวนพิจารณาคดีตั้งแต่เดือนต.ค. 2560 และเธอไม่ได้เข้าฟังคำตัดสินของศาลในวันที่ 14 ม.ค.
พัค ซึ่งเป็นบุตรสาวของอดีตผู้นำเผด็จการทางทหารพัคชองฮี ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดร่วมกับชเวซุนซิล เพื่อนสนิทของเธอ ในการร่วมกันรับสินบนและขู่กรรโชกทรัพย์เรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ รวมทั้งบริษัทซัมซุง ในช่วงที่เธอดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ในปี 2556 – 2559
โดยเธอยังถูกตัดสินในข้อหารับเงินสนับสนุนรายเดือนจากหัวหน้าสำนักข่าวกรองของเธอที่นอกเหนือจากงบประมาณขององค์กร
หลังประชาชนชาวเกาหลีใต้ลุกฮือกันประท้วงนานหลายสัปดาห์ พัคถูกถอดถอนจากสภาในเดือนธ.ค.2559 และหลุดจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมี.ค.2560 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินถอดถอนเธอ
ในตอนแรกพัคต้องโทษจำคุกกว่า 30 ปี ก่อนที่ศาลฎีกาจะส่งคดีของเธอกลับไปศาลสูงในปี 2562
ในปี 2561 ศาลสูงกรุงโซลมีคำพิพากษาให้จำคุกเธอ 25 ปีหลังจากมีการพิจารณาคดีข้อหารับสินบน ขู่กรรโชกทรัพย์ ใช้อำนาจในทางที่มิชอบ และข้อหาอื่นๆรวมกัน
แต่ในเดือนต.ค. 2562 ศาลฎีกาสั่งให้ศาลสูงกรุงโซลแยกคดีรับสินบนออกจากคดีอื่น จากพื้นฐานข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับคดีของประธานาธิบดี หรือผู้มีตำแหน่งทางการเมือง