‘เพนซ์’ ไม่ยอมใช้อำนาจปลด ‘ทรัมป์’

วอชิงตัน : เมื่อวันที่ 12 ม.ค. รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ระบุว่า เขาคัดค้านที่จะใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 เพื่อปลดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง หลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกก่อเหตุรุนแรงที่รัฐสภาสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ก่อน
โดยในจดหมายถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร แนนซี เพโลซี เพนซ์ระบุว่า ไม่ควรใช้บทบัญญัตินี้ “เพื่อเป็นการลงโทษ หรือแย่งชิงอำนาจ” และควรใช้ในกรณีที่บุคคลซึ่งสมควรถูกถอดถอนมีปัญหาสุขภาพ หรือสูญเสียความสามารถในการตัดสินใจ
ที่ผ่านมา เพโลซีเรียกร้องให้เพนซ์ใช้เสียงข้างมากของคณะรัฐมนตรี และลงมติเพื่อประกาศว่าทรัมป์ไม่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่
“ เพียงแค่ 8 วันที่เหลือในวาระของท่านประธานาธิบดี แต่คุณและพรรคเดโมแครตกำลังเรียกร้องให้ครม.และผมใช้อำนาจตามบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25” เพนซ์ระบุในจม.ที่อ้างถึงกระบวนการที่จะประกาศว่าทรัมป์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ และให้เพนซ์มีอำนาจรักษาการแทนจนครบวาระ
“ ผมไม่เชื่อว่าการทำเช่นนั้นจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติของเรา หรือสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญของเรา” เขาระบุ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติเรียกร้องให้เขาใช้อำนาจตามบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 และดำเนินการโหวตเพื่อถอดถอนทรัมป์
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. มีพรรครีพับลิกันอย่างน้อย 3 คน รวมทั้งหนึ่งในบรรดาผู้นำในสภาผู้แทนราฎร ระบุว่าพวกเขาจะโหวตถอดถอนทรัมป์จากการยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนเขาบุกรัฐสภาสหรัฐฯและต่อสู้ ก่อนที่เหตุการณ์ความรุนแรงจะทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 5 ราย
เพนซ์ชี้แจงกับเพโลซีว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่นเป็นระเบียบ และขอให้เธอและส.ส.คนอื่นๆหลีกเลี่ยงการกระทำ “ที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกยิ่งขึ้น และโหมเชื้อไฟของความขัดแย้งในช่วงเวลานี้”
“ โปรดทำงานร่วมกับเราเพื่อลดอุณหภูมิและรวมประเทศของเราให้เป็นหนึ่งเดียวในช่วงเวลาที่เราเตรียมพร้อมเพื่อพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของโจ ไบเดนในฐานะประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ” เพนซ์กล่าว
เพนซ์และทรัมป์ได้พูดคุยกันครั้งแรกในเย็นวันที่ 11 ม.ค. หลายวันหลังเกิดเหตุจลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ และทรัมป์โวยที่เพนซ์ไม่ยอมบล็อกการรับรองชัยชนะของไบเดนจากคณะผู้เลือกตั้ง ที่ผ่านมา ทรัมป์พยายามกดดันเพนซ์ให้เข้าแทรกแซงกระบวนการ และบรรดาผู้สนับสนุนทรัมป์หลายคนมีการพูดคุยถึงการลอบสังหารเพนซ์ที่เป็นคนทรยศ
โดยเพนซ์ได้อ้างถึงประเด็นนี้ในจดหมายถึงเพโลซีว่า “ ในสัปดาห์ที่แล้ว ผมไม่สนใจกับแรงกดดันให้ใช้อำนาจนอกเหนือรัฐธรรมนูญเพื่อแทรกแซงผลการเลือกตั้ง และตอนนี้ ผมก็ไม่เห็นด้วยกับส.ส.ในสภาที่จะเล่นเกมการเมืองอย่างจริงจังกับชาติของเรา”
ทั้งนี้ บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 กำหนดให้มีการปลดประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งได้ โดยให้อำนาจกับรองประธานาธิบดีและเสียงส่วนใหญ่ของคณะรัฐมนตรี
เพโลซีระบุว่า การที่เพนซ์ปฏิเสธที่จะใช้อำนาจปลดทรัมป์ จะทำให้ทางสภาดำเนินการโหวตเพื่อลงมติถอดถอนทรัมป์ในวันที่ 13 ม.ค. และการโหวตครั้งนี้จะทำให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรกที่ถูกถอดถอนเป็นครั้งที่ 2
ขณะที่กระบวนการในการถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐฯทั้ง 3 ครั้งก่อนหน้านี้ คืออดีตประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน , บิล คลินตัน และทรัมป์เอง ใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะมีการโหวตลงมติในครั้งสุดท้าย เพราะต้องมีทั้งการสืบสวนสอบสวนและการพิจารณาไต่สวน แต่ครั้งนี้จะใช้เวลาเพียงสัปดาห์เดียว
สำหรับตอนนี้ คาดการณ์ว่าพรรครีพับลิกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นส.ว.จะไม่ดำเนินการไต่สวนและโหวตเพื่อลงโทษทรัมป์ก่อนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดนในวันที่ 20 ม.ค. แต่ทางเดโมแครตรู้สึกว่า การดำเนินการของสภาจะเป็นการส่งสาส์นที่สำคัญให้กับประเทศ