อีลอน มัสก์ขึ้นแท่นรวยสุดในโลก
นิวยอร์ก – อีลอน มัสก์ ซีอีโอของบ.เทสลา พุ่งแซงเจฟฟ์ เบซอส บอสของบ.แอมะซอนขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก จากรายงานล่าสุดของบลูมเบิร์ก
โดยมูลค่าหุ้นของเทสลาที่พุ่งขึ้น 6% ในวันที่ 7 ม.ค. ทำให้มูลค่าหุ้นของมัสก์ขยับเพิ่มขึ้นอีก 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( หรือราว 299,000 ล้านบาท) ทำให้ทรัพย์สินสุทธิของเขาพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 191,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือราว 5.74 ล้านล้านบาท) ขณะที่หุ้นแอมะซอนของเบซอสขยับขึ้นไม่ถึง 2% เพิ่มขึ้นมาประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเขาอยู่ที่ 187,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( หรือราว 5.62 ล้านล้านบาท )
ดัชนีติดตามมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์กยังระบุว่า เบซอสยังคงนำมัสก์อยู่ประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ยังไม่อัพเดทล่าสุดจนกว่าจะถึงวันซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้บลูมเบิร์กยืนยันให้มัสก์เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในขณะนี้
โดยบิล เกตส์ ที่ตามอยู่ในอันดับ 3 มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 132,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
มัสก์ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และซีอีโอของบ.สเปซเอ็กซ์ด้วย แต่สเปซเอ็กซ์เป็นบริษัทเอกชนและไม่มีมูลค่าที่สูงเหมือนเทสลา
ทั้งนี้ หุ้นของเบซอสในแอมะซอนเพิ่มขึ้นถึง 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2563 เป็น 173,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นบริษัทที่มียอดขายเติบโตมหาศาลในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
แต่เทียบไม่ได้กับมูลค่าหุ้นของมัสก์ในเทศลา โดยจำนวน 170 ล้านหุ้นในเทสลาที่เขาถือครองอยู่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 106,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระหว่างปี 2563 โดยหุ้นของเขามีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 743% ในปีที่แล้ว
ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของมัสก์ ทำให้เขาแซงเกตส์ขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว แต่หลังจากนั้น มูลค่าหุ้นของเทสลาเพิ่มขึ้นอีก 45% ทำให้ทรัพย์สินสุทธิของมัสก์เพิ่มขึ้นถึง 53,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
หุ้นของเทสลาเริ่มต้นดีตั้งแต่ต้นปี 2564 โดยปรับเพิ่มขึ้นกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น หรือปรับขึ้น 13% ตั้งแต่ต้นปีนี้ ทำให้มูลค่าหุ้นของมัสก์ในเทสลาขยับขึ้นประมาณ 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่หุ้นของแอมะซอนปรับลดลงเล็กน้อยตั้งแต่ต้นปีนี้
ในการซื้อขายวันที่ 7 ม.ค. บ.เอ็กซอนโมบิล ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันที่มีมูลค่าสูงสุดของสหรัฐฯ มีมูลค่าต่ำกว่า 191,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น มัสก์ ซึ่งเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงให้ผู้ขับขี่รถยนต์ทั่วโลกเปลี่ยนจากน้ำมันเบนซินและดีเซลมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ถึงเวลาที่จะมีมูลค่าทรัพย์สินสูงกว่าบริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ