เยอรมนีต่อล็อกดาวน์คุมเข้มถึง 31 ม.ค.

นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลแห่งเยอรมนีได้ขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์และคุมเข้มไวรัสโควิด-19 ออกไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.เนื่องจากยอดผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้สูงเกิน 35,000 คนแล้ว
โดยนายกฯแมร์เคิลประกาศคำสั่งนี้หลังมีการประชุมกับผู้นำทั้ง 16 รัฐเพื่อร่วมกันตัดสินใจเรื่องช่วงเวลาของการล็อกดาวน์ และเมื่อไรที่โรงเรียนจะเปิดอีกครั้ง
เธอระบุว่า รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นมีมติร่วมกันว่า ร้านค้าส่วนใหญ่ที่ไม่ขายอาหาร บาร์ ร้านอาหาร ศูนย์วัฒนธรรมและศูนย์สันทนาการและโรงเรียนจะยังปิดต่อไป รวมทั้งเมื่อมีการบังคับใช้กฎใหม่ก็ตาม
ในช่วงแรก มาตรการล็อกดาวน์ในปัจจุบันจะหมดอายุในวันที่ 16 ธ.ค. หลังจากการล็อกดาวน์บางส่วนไม่สามารถควบคุมการติดเชื้อได้ จึงขยายเวลาออกมาจนถึงวันที่ 10 ม.ค.
ในตอนนี้ ภายใต้กฎที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกรัศมี 15 กม.จากบ้านโดยไม่มีเหตุจำเป็น
และผู้ที่เดินทางเข้าประเทศซึ่งมาจากประเทศความเสี่ยงสูงต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบ 2 ครั้ง และต้องกักตัวนาน 5 วันหลังผลการตรวจครั้งแรกเป็นลบ
โดยมีการจำกัดการพบปะกันของประชาชนเหลือเพียงแค่ 1 คนเมื่อออกไปนอกบ้าน
เมื่อวันที่ 5 ม.ค. สำนักควบคุมโรคของเยอรมนีระบุว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11,897 รายในรอบ 24 ชม.เพิ่มขึ้นจาก 9,847 รายเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในเยอรมนีสูงเป็นอันดับ 5 ในยุโรปตะวันตก รองจากสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลีและสเปน
โดยในวันเดียวกัน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 944 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั้งหมดอยู่ที่ 35,518 ราย จากรายงานของ Robert Koch Institute (RKI)
อียูเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้นในประเด็นแผนการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 โดยประเทศสมาชิกบ่นว่า วัคซีนไม่เพียงพอและล่าช้าในการกระจายวัคซีน
มาร์คัส โซเดอร์ ผู้ปกครองรัฐบาวาเรีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดกล่าวให้สัมภาษณ์สื่อว่า กระบวนการของคณะกรรมาธิการยุโรปในการจัดซื้อและอนุมัติวัคซีนของบ.ไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคนั้นไม่เพียงพอ
แต่แมร์เคิลระบุว่า เธอสนับสนุนการบริหารจัดการวัคซีนของอียูสำหรับ 27 ประเทศสมาชิก โดยเสริมว่า ไม่มีเหตุผลที่เยอรมนีจะพยายามจัดการเรื่องวัคซีนของตัวเอง
เยอรมนีกำลังศึกษาร่วมกับเนเธอร์แลนด์ ในประเด็นการเลื่อนการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้ห่างออกไป เพื่อเพิ่มจำนวนคนฉีดเข็มแรกให้มากขึ้น
ทั้งนี้ European Medicines Agency (EMA) ระบุว่า ต้องฉีดวัคซีนโควิด -19 สองเข็มเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันสูงสุด และเข็มที่ 2 ควรห่างจากเข็มแรกไม่เกิน 6 สัปดาห์เพื่อให้มีผลในการปกป้องสูงสุด
แต่วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ซึ่งยังเป็นวัคซีนตัวเดียวที่อียูอนุมัติ ระบุว่าต้องฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรกไม่นานเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดี แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนแนะให้ขยายเวลาการฉีดของทั้งสองเข็มให้ห่างกันนานขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวนคนฉีดเข็มแรกให้มากขึ้น