UK อนุมัติวัคซีนโควิดของ ‘แอสตราเซเนกา’
ลอนดอน – เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและบริษัทแอสตราเซเนกาได้รับการอนุมัติรับรองเพื่อการใช้งานฉุกเฉินในสหราชอาณาจักร ทำให้โลกมีความก้าวหน้าไปอีกขั้นในการต่อสู้กับโรคระบาดนี้
คาดการณ์ว่าจะเริ่มมีการกระจายวัคซีนนี้ได้ในสัปดาห์หน้า และจะถูกเพิ่มเข้าไปในโครงการสร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19 ซึ่งเริ่มต้นโดยสหราชอาณาจักรในเดือนธ.ค.ด้วยวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ มีประมาณ 600,000 คนที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์ในสหราชอาณาจักรแล้ว
ทั้งนี้ วัคซีนที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนเกามีราคาถูกกว่าวัคซีนของผู้พัฒนารายอื่นๆ และไม่จำเป็นต้องเก็บในอุณหภูมิเย็นจัดเหมือนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา
ในแถลงการณ์ แอสตราเซเนการะบุว่า มีการจัดส่งวัคซีนโดสแรกในวันที่ 30 ธ.ค. “ดังนั้น จะเริ่มการฉีดวัคซีนได้อย่างเร็วในช่วงปีใหม่”
บริษัทเสริมว่า “ บริษัทตั้งเป้าจะผลิตวัคซีนได้หลายล้านโดสในไตรมาสแรก” จากข้อตกลงที่ทำไว้กับรัฐบาลสหราชอาณาจักรคือผลิตวัคซีนให้ 100 ล้านโดส เนื่องจากวัคซีนมีกำหนดต้องฉีด 2 โดส ทำให้จะมีประชาชน 50 ล้านคนในสหราชอาณาจักรที่ได้รับวัคซีนนี้ก่อน โดยสหราชอาณาจักรมีจำนวนประชากรทั้งหมดประมาณ 66 ล้านคน
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ไมเคิล โกฟ รัฐมนตรีของรัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุว่า การอนุมัติวัคซีนของออกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกาอาจช่วยเร่งให้มีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศเร็วขึ้น หลังจากมาตรการคุมเข้มนี้ส่งผลทำให้ประชาชนหลายล้านคนไม่ได้ฉลองเทศกาลคริสต์มาส
“วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับหลายล้านคนในสหราชอาณาจักรที่จะได้รับวัคซีนใหม่” ปาสกัล โซริออต ซีอีโอของแอสตราเซเนการะบุในแถลงการณ์ “ วัคซีนได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ ทนต่อผลข้างเคียงได้ดี ง่ายในการจัดการและแอสตราเซเนกาผลิตให้โดยไม่มีกำไร”
ดร.ริชาร์ด ฮอร์ตัน บก.บริหารของวารสารการแพทย์ The Lancet กล่าวให้สัมภาษณ์ในเดือนธ.ค.ว่า ความได้เปรียบหลายอย่างของวัคซีนทำให้สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นทั่วโลก
“ วัคซีนของออกซ์ฟอร์ด แอสตราเซเนกาเป็นวัคซีนในตอนนี้ที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้โลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความรวดเร็วกว่าวัคซีนอื่นที่เรามี” ฮอร์ตันกล่าว โดยเสริมว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคิดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนทั่วโลก “ เพราะหากเราสร้างภูมิคุ้มกันให้ประเทศเดียว ยังมีความเสี่ยงจากไวรัสในประเทศที่ไม่มีการฉีดวัคซีน”
มอนเซฟ สลาวี ผอ.โครงการ Operation Warp Speed ของทำเนียบขาว และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆในสหรัฐฯ แสดง
ความกังวลเกี่ยวกับกลุ่มอายุของผู้เข้าร่วมการทดสอบวัคซีน โดยชี้ว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพ 90% เฉพาะในกลุ่มความเสี่ยงต่ำ ซึ่งเป็นผู้มีอายุต่ำกว่า 55 ปี ทั้ง 2,741 คน
แอสตราเซเนการะบุเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ว่า “มีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพจากการทดสอบทางคลินิกที่ดำเนินการอยู่” โดยเสริมว่า ยังคงทำงานกับหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลด้านวัคซีนทั่วโลก “ เพื่อสนับสนุนการพิจารณาวัคซีนเพื่อการใช้งานฉุกเฉิน หรือเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนตำรับยาในช่วงวิกฤตสาธารณสุข ”
โดยบริษัทเสิรมว่า จะเร่งขอการอนุมัติเพื่อการใช้งานฉุกเฉินจากองค์การอนามัยโลก “เพื่อเร่งให้มีวัคซีนใช้เร็วขึ้นในประเทศรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง”