โซลห้ามอยู่รวมกันเกิน 4 คน หลังยอดตายพุ่ง
โซล : กรุงโซลและพื้นที่โดยรอบในเกาหลีใต้ประกาศคำสั่งห้ามประชาชนอยู่รวมตัวกันเกิน 4 คนในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ หลังจากเกาหลีใต้มีตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งสูงทุบสถิติในวันที่ 21 ธ.ค.
ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ยังแข็งขืนไม่ฟังเสียงเรียกร้องให้มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ แต่รัฐบาลกรุงโซล จังหวัดคยองกี และเมืองอินชอนตัดสินใจประกาศคำสั่งคุมเข้มการรวมตัวกันของประชาชนตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. – 3 ม.ค.
“เราไม่สามารถเอาชนะวิกฤตในปัจจุบันได้ หากไม่ลดคลัสเตอร์ติดเชื้อที่แพร่กระจายจากการอยู่รวมกันของบุคคลกับครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน” ซอจองฮยอป รักษาการนายกเทศมนตรีกรุงโซลระบุในการแถลงข่าว
“ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะหยุดการแพร่ระบาด”
คำสั่งห้ามการรวมตัวกันของประชาชนมีผลกับการรวมตัวกันทั้งในอาคารและนอกอาคาร ยกเว้นเฉพาะงานศพและงานแต่งงาน โดยปัจจุบัน มีคำสั่งห้ามการรวมตัวกันเกิน 9 คน
โดยทั้งสองเมืองและหนึ่งจังหวัด มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งประเทศคือ 51 ล้านคนของเกาหลีใต้
ในกรุงโซล ร้านอาหารและสถานที่คล้ายกันคิดเป็น 41.4% ของคลัสเตอร์ติดเชื้อในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา รองลงมาคือในสถานที่ทำงาน คิดเป็น 16.9% จากศาสนสถานคือ 15.5% และ 12.3% จากสถานพยาบาลและเนิร์สซิงโฮม จากข้อมูลของรัฐบาล
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ตำรวจเร่งเข้าตรวจสอบสถานที่หลายแห่ง ทั้งบาร์และคลับคาราโอเกะ เนื่องจากต้องสงสัยว่ามีการละเมิดมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 35 คน จากแถลงการณ์ของกรุงโซล
จนถึงเที่ยงคืนวันที่ 20 ธ.ค. มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 24 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดของเกาหลีใต้อยู่ที่ 698 ราย จากถ้อยแถลงของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (KCDC)
มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 926 ราย ลดลงจากที่เคยพุ่งสูงทุบสถิติถึง 1,097 รายในวันก่อนหน้า
ในวันที่ 20 ธ.ค. มีเตียงห้องไอซียูเหลือเพียง 4 เตียงในพื้นที่กรุงโซล อ้างอิงจากหน่วยงานสาธารณสุข
รัฐบาลสั่งการให้โรงพยาบาลเอกชนเพิ่มเตียงให้ผู้ป่วยโควิด-19 กว่า 300 เตียง และจัดสรรงบชดเชยให้โรงพยาบาลเหล่านี้จำนวน 4.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 135 ล้านบาท
กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า การยกระดับมาตรการคุมเข้มรักษาระยะห่างทางสังคมขึ้นเป็นระดับสูงสุดถือเป็นทางเลือกสุดท้าย