ทั่วโลกประณามเหตุก่อการร้ายที่ลอนดอน
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ (DHS) รายงานเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ว่า จะร่วมมือทำงานเป็นพันธมิตรกับสหราชอาณาจักรในเหตุก่อการร้ายในกรุงลอนดอน ที่คนร้ายขับรถตู้พุ่งชนผู้คนบนสะพานลอนดอนและยังใช้มีดเป็นอาวุธมุ่งทำร้ายคนในตลาด Borough
“ ทางกระทรวงกำลังทำงานร่วมกับสหราชอาณาจักรในการสืบสวนเหตุก่อการร้ายที่เกิดขึ้นกับพลเมืองบนสะพานลอนดอนและบริเวณพื้นที่โดยรอบ” อ้างอิงจากแถลงการณ์ของ DHS
ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงยังรายงานว่า ยังไม่เห็นความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องในทันทีว่าจะเกิดภัยคุกคามต่อมาในสหรัฐฯ
“ ท่านรัฐมนตรีจอห์น เคลลีได้กล่าวสรุปถึงเหตุการณ์และการรับมือกับเหตุร้าย เรายังไม่มีข้อมูลที่จะระบุได้อย่างชี้ชัดเจาะจงถึงภัยร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ” นอกจากนี้ ทาง DHS ยังได้ประณามการก่อการร้ายในครั้งนี้ด้วย
“ เราเข้าใจว่าตำรวจในสหราชอาณาจักรคงเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็นการก่อการร้าย ทางสหรัฐฯ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือใดๆ ที่สหราชอาณาจักรร้องขอ” Heather Nauert โฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศกล่าวในแถลงการณ์
โดยญี่ปุ่นได้ออกคำเตือนนักเดินทางชาวญี่ปุ่นให้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีความเสี่ยงว่าจะเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายในกรุงลอนดอน ทั้งจุดชมวิว ห้างสรรพสินค่า ตลาด สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตและการชุมนุมทางการเมือง กระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่นรายงานว่า นักเดินทางควรให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่รอบตัว และออกจากสถานที่ซึ่งมีสัญญาณว่าจะมีความเสี่ยงเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรีมัลคอล์ม เทิร์นบูลแห่งออสเตรเลียกล่าวถึง ชาวออสเตรเลียน 2 รายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุก่อการร้าย โดยที่คนหนึ่งยังต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล พร้อมกับประณามเหตุสะเทือนขวัญนี้
“ การโจมตีที่โหดร้ายครั้งนี้เป็นตัวอย่างของความจริงใหม่ๆที่เราต้องเผชิญและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน ภัยที่เกิดจากกลุ่มก่อการร้ายจากรัฐอิสลาม ซึ่งตั้งใจจะทำลายประชาคมของเรา วิถีการใช้ชีวิตของเรา และอิสรภาพที่เรามีอยู่” นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียกล่าว
นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลแห่งเยอรมนีกล่าวว่า เธอไม่พอใจการโจมตีครั้งนี้ และให้คำมั่นว่า เยอรมนีจะอยู่เคียงข้างสหราชอาณาจักรต่อไป
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียส่งโทรเลขถึงนายกรัฐมนตรีเธเรซา เมย์แห่งอังกฤษโดยเสนอแผนการยกระดับความมั่นคงในความพยายามที่จะต่อสู้กับการก่อการร้าย.