รัฐประหาร…แกง
ปรากฎการณ์ที่เราเห็นอยู่นี้ เรียกว่า แกงตำรวจ เลี่ยงรัฐประหาร
สถานการณ์การเมืองไทยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับตึงเครียดอย่างหนัก หลังผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร ประกาศก้องจะบุกสํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อันจะเสี่ยงต่อการเผชิญหน้ากับม็อบคนเสื้อเหลือง ที่แสดงพลังปกป้องสถานบัน ทั้งยังเสี่ยงต่อการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมาก
สำหรับความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมที่ประกาศว่าจะมาเยือนหน้าสำนักทรัพย์สินฯ เพาะต้องการโต้กลับตำรวจ หลังมีการสลายการชุมนุมด้วยรถฉีดน้ำความดันสูงและแก๊สน้ำตา
โดยการโต้กลับของผู้ชุมนุม นอกจากจะเดินทางไปยังด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสาดสีแสดงออกซึ่งความไม่พอใจต่อการกระทำของตำรวจแล้ว ยังหมายมั่นจะเดินทางมายังสำนักทรัพย์สินฯ เพื่อแสดงพลังว่าการชุมนุมครั้งนี้ ไม่มีเพดาน เมื่อไหร่ที่ฝ่ายรัฐใช้มาตรการแข็งกับผู้ชุมนุม เมื่อนั้นผู้ชุมนุมก็จะโต้กลับด้วยวิธีการของตัวเอง
ท่ามกลางมาตรการรับมือของหน่วยงานด้านความมั่นคง ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าความรุนแรงจะเกิดขึ้น เพราะบริเวณโดยรอบสำนักทรัพย์สินฯ เต็มไปด้วยการวางกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แนวรั้วลวดหนาม คอนกรีตแบริเออร์ รวมถึงตู้คอนเทนเนอร์ปิดถนน
ก่อนการชุมนุมวันที่ 25 พ.ย. กลิ่นรัฐประหารมาแรง ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียด แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้นำกองทัพบกอย่าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะยืนยันเป็นมั่นว่าไม่มีการประกาศกฎอัยการศึกและรัฐประหาร แต่กลิ่นรัฐประหารก็ฉุนอย่างแรงจนน่าวิตก
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงเอาจริง ไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวได้ตามใจชอบ และพยายามทุกวิถีทางเพื่อปกป้องสถาบัน
และผู้ชุมนุมจะต้องเผชิญหน้ากับการสลายการชุมนุมแน่นอน หากยังจะมาจัดการชุมนุมที่บริเวณหน้าสำนักทรัพย์สินฯ
ทางด้านผู้ชุมนุมเองต่างอยู่ในอารมณ์โกรธ พร้อมเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่หวาดหวั่นว่าจะมีความรุนแรงเกินขึ้นหรือไม่ เรียกภาษาวัยรุ่นว่า พร้อมบวกทุกเมื่อ
กระนั้นเมื่อประเมินว่าการชุมนุมวันที่ 25 พ.ย. หากยังจะเดินทางไปยังหน้าสำนักงานทรัพย์สินฯ ก็มีแต่จะเสี่ยงที่ผู้มีอำนาจจะประกาศกฎอัยการศึก ส่อไปในทางรัฐประหาร สุดท้ายการเมืองไทยก็จะวนลูป ไม่ก้าวหน้าไปไหน
เมื่อประเมินแล้วว่า การไปยังสำนักทรัพย์สินฯจะได้ไม่คุ้มเสีย จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ชุมนุมต้องเปลี่ยนแผนด่วน โดยการประกาศยกเลิกการเดินทางไปสำนักทรัพย์สินฯ และไปยังหน้าสำนักงานใหญ่ SCB แทน
2 วันถัดมา มีการชุมนุมที่นัดหมายโดยกลุ่มราษฎรอีกครั้งที่บริเวณ 5 แยกลาดพร้าว ภายใต้กิจกรรม “ซ้อมต้านรัฐประหาร” บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีกิจกรรมศิลปะ ดนตรี แสดงออกเชิญสัญลักษณ์หลากหลาย เพื่อยืนยันจุดยืน 3 ข้อของผู้ชุมนุม 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ 3.ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง ขึ้นปราศรัย นัดแนะวิธีการหากเกิดการรัฐประหารจริง โดยประชาชนต้องออกมาต่อต้าน ขอให้ออกมาให้เต็มถนน ยึดทุกแยกในกรุงเทพฯและปริมณฑล เอาสิ่งของไม่ว่าจะเป็น ตู้ เตียง มาขวางการลำเลียงกำลังพลของกองทัพ
ไมค์ บอกว่า หากคณะรัฐประหารไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน 3 วัน ก็จะกลายเป็นกบฎ
เขา ประกาศว่า หากเกิดรัฐประหาร เราจะไม่ทำตามคำสั่งของกบฎที่ฉีกรัฐธรรมนูญ แต่ต้องออกมาทำให้ถนนเป็นอัมพาต
จะเห็นว่ากลุ่มราษฎร มีความกังวลอย่างมากว่ารัฐบาลและกองทัพ จะก่อรัฐประหาร เพื่อแช่แข็งการเมืองไทยไปอีกสักระยะหนึ่ง
จึงเป็นเหตุผลให้ผู้ชุมนุมต้องใช้วิธีการแกง เพื่อหลีกเลี่ยงรัฐประหาร
กล่าวคือ หลังจากประกาศจุดหมายการชุมนุมแล้วเห็นว่าฝ่ายความมั่นคง เตรียมที่จะสลายการชุมนุม เสี่ยงที่จะมีความรุนแรงอันเป็นเหตุให้กองทัพอ้างในการก่อรัฐประหาร
เมื่อนั้นแกนนำผู้ชุมนุมจะประกาศเปลี่ยนสถานที่จัดการชุมนุมทันที เรียกภาษาม็อบว่า “แกง”
เหมือนเช่นล่าสุด หลังมีการประกาศว่า จะไปชุมนุมกันที่หน้ากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในวันที่ 29 พ.ย. ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะภายในเป็นบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จากนั้นตำรวจได้วางกำลังคุมเข้มรับมือสถานการณ์
ทว่าเมื่อผู้ชุมนุมประเมินแล้ว พบมีความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะ จึงได้แกงตำรวจ เลี่ยงรัฐประหาร เปลี่ยนสถานที่เป็นราบ 11 แทน
โดยปรากฎการณ์นี้เรียกว่า แกงตำรวจ เลี่ยงรัฐประหาร
เพราะผู้ชุมนุมรู้ดีว่า ไม่คุ้ม หากประท้วงแล้ว จบด้วยการรัฐประหาร