ปลัด 14 กระทรวงเปิดใจถึง “บิ๊กตู่” ก่อนเกษียณ
เผยบรรยากาศที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ 14 ปลัดกระทรวง/หัวหน้าส่วนราชการที่เกษียณ ได้กล่าวความในใจ เผยหากใครได้ร่วมงาน หรือเห็นการทำงานแล้ว ทุกคนจะรัก นับถือ และรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ “พลเอกประยุทธ์ฯ”
เมื่อวันที่ 24 ก.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยบรรยากาศในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ครั้งที่ 4/2563 เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปีงบประมาณ 2563 มีหัวหน้าส่วนราชการในระดับปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการเกษียณถึง 14 กระทรวง/หน่วยงาน ซึ่งในที่ประชุม เลขาธิการ กพ. ได้เปิดโอกาสให้แต่ละท่านเผยถึงความในใจที่มีต่อนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งทุกท่านกล่าวถึงความประทับใจการทำงานและตัวตนที่แท้จริง ซึ่งผู้ที่มีโอกาสทำงานใกล้ชิด หรือติดตามการทำงานของนายกรัฐมนตรี จะพูดเป็นเสียงเดียวกันถึง ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน ยึดประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน รวมทั้งน้ำใจและความเอื้ออาทรต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
ยกตัวอย่างผู้บริหารที่เกษียณในปีนี้ เช่น นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ ได้กล่าวว่า “ท่านนายก ฯ ได้ทำคุณูปการให้กับบ้านเมืองเยอะแยะมากมาย คือการวางวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เอาไว้ให้กับประเทศไทย” ขณะที่นางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวประทับใจในการทำงานด้านต่างประเทศของนายกฯ ว่า “ ปี 62 ที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ท่านนายกฯ ดูแลสนับสนุนอย่างเต็มที่ ท่านเป็นประธานการประชุมที่เราภาคภูมิใจ รวมทั้งได้รับความชื่นชมจากผู้นำทุกประเทศโดยมีหนังสือชื่นชมตอบกลับมา ส่วนการทำงานกับนายกฯ ท่านนี้ก็รู้สึกสบายใจ เพราะท่านมีความตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงและมีพรหมวิหาร 4 มีเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำทุกองค์กรต้องมี รวมทั้งไม่มีวาระซ่อนเร้นใดๆ”
ด้านนายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เผยว่า “นายกฯ มีเมตตา เอาใจใส่กับลูกน้องอย่างมาก เสียดายที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้เห็น จะเห็นท่านในข่าว ในสื่อ ซึ่งไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของท่าน” ขณะที่นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคมเผยว่า “ตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง ผอ. สนข. และได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ทราบว่านายกฯ ต้องการให้ผมมาขับเคลื่อนแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของประเทศไทย ซึ่งงานก่อสร้างหลายอย่างเกิดจากแผนนี้ เป็นแผนที่เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2558 และสิ้นสุดใน พ.ศ. 2565 เป็นแผน 8 ปี ที่มีความสำคัญทั้งถนน ราง น้ำ อากาศ ช่วงที่ผมทำหน้าที่นั้น งานทั้งหนักและเหนื่อยมาก แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นท่านนายกฯทำงานด้วยความตั้งใจ สิ่งที่เกิดความรู้สึกคือผมทำงานหนักน้อยกว่าท่านนายกฯมาก สิ่งที่เหนื่อยที่หนักนั้นกลายเป็นพลังกายพลังใจในการดำเนินงานต่อไป“
ด้านนายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “การจัดการเรียนการสอนในยุคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ท่านนายกฯ เป็นผู้ช่วยเหลือในการทำให้มีช่องโทรทัศน์ DLTV Digital ถึง 17ช่อง ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการเคยขอมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้ แต่โควิด-19 ครั้งนี้ ถือว่าท่านนายกฯมาช่วยให้กระทรวงศึกษาฯจัดการเรียนการสอนในทีวีได้ นี่คือสิ่งที่ผมประทับใจว่า ท่านมีบารมี และท่านได้ช่วยเหลือกระทรวงศึกษาฯให้นักเรียน นักศึกษาจำนวนถึง 10 ล้านคนได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องในช่วง Lock-down”
ส่วนนายอนุกูล เจิมมงคล ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวว่า “ในวิชาชีพข้าราชการ ท่านนายกรัฐมนตรีถือเป็นแบบอย่างของการเป็นข้าราชการที่ดี มุ่งเน้นการทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งในช่วงที่ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นข้าราชการ และในช่วงนี้ที่ท่านเกษียณอายุราชการแล้วก็ตาม ทำให้ทุกฝ่ายได้เห็นว่าข้าราชการมีบทบาทสำคัญ ที่คอยช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติในยามวิกฤต” ด้านพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงความประทับใจต่อนายกรัฐมนตรีว่า “สิ่งที่ผมประทับใจในตัวท่านนายกฯ คือ 1. มีความเป็นผู้นำสูงมาก 2. มีความเด็ดขาด 3. มีความรับผิดชอบ นี่คือความประทับใจตั้งแต่ที่ได้รู้จัก”
ขณะที่ นายแพทย์ สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เล่าย้อนถึงการต่อสู้กับโควิด-19 ว่า “ภายใต้การบังคับบัญชาของท่านนายกรัฐมนตรีที่ต่อสู้กับโควิด-19 ประเทศไทยต้องบอกว่าโชคดีที่มีท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ ท่านเป็นคนที่มีคุณธรรม ความรู้สึกผมคือท่านเป็นคนมีบารมี มีสิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครอง หลายอย่าง ภัยพิบัติที่จะเกิดกับประเทศไทยต้องอาศัยบารมีท่านนายกฯช่วย บางอย่างเป็นเหมือนจะเกิดภัยพิบัติ หรือเห็นสถานการณ์ของโรคร้ายแต่มันก็หายไปได้ พ้นไปได้ ก็เพราะการนำของท่านนายกรัฐมนตรี ความเก่งของท่านคือการติดตามการทำงานทุกอย่าง ท่านเป็นผู้มีคุณธรรม มีเมตตากับลูกน้อง ในการทำงานสู้กับโควิด-19 นี้ ผมยอมรับว่าบางครั้งก็รู้สึกท้อ อยากจะร้องไห้ รู้สึกหมดหวัง แต่ก็ได้ความเมตตาจากท่านนายกฯ ติดตาม ถามไถ่ และแนวคิดเรื่อง State Quarantine ท่านนายกก็เป็นคนคิดคนทำ ตอนแรกผมคิดไม่ออกจะทำได้อย่างไร แต่ท่านใช้ความเป็นผู้นำของท่าน ทำให้เกิด State Quarantine และสุดท้ายก็สามารถปกป้องประเทศไทยได้ ซึ่งในช่วงแรกนั้นคำนวณกันไว้ว่าประเทศไทยจะมีคนป่วยถึง 300,000 คน และคาดว่าจะมีคนตาย 60,000 คน แต่วันนี้ประเทศไทยทำได้ดีกว่านั้นมาก ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และผมมั่นใจว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะรอดได้ภายใต้การทำงานของท่านนายกรัฐมนตรีต่อไป“
ขณะที่ รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกล่าวถึงงานวิจัยว่าก้าวหน้าไปมาก รัฐบาลได้สนับสนุนการก่อสร้างและอุปกรณ์ เช่น กล้องดูดาว รวมทั้งทุนการศึกษา ทุนวิทยาศาสตร์ ทุนเรียนต่อ ซึ่งปลัด อว. ย้ำถึงความสำคัญของทุนต่าง ๆ คงจะเป็นมรดกให้ลูกหลานหรือรุ่นน้อง ๆ ได้ดำเนินการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทางด้านการศึกษาต่อไป
โฆษกรัฐบาลยังเผยอีกว่า ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “คนเรามีทั้งข้อดี และข้อเสีย” ซึ่งผู้บริหารท่านหนึ่งรีบเปรยว่า “ขอให้ท่านนายกฯ อย่าเขียนหวัดมากนัก เพราะลายมือท่านไม่สามารถอ่านออกได้ เลยไม่ทราบว่าท่านสั่งการอะไร” ชึ่งนายกรัฐมนตรีอมยิ้มและยอมรับว่า เป็นข้อเสียที่แก้ไม่หาย เพราะคิดไว ทำไว สมองคิดนำไปก่อน มือตามไม่ทัน และสุดท้ายท่านนายกฯ ได้กล่าวว่า การทำงานของหัวหน้าส่วนราชการทุกกระทรวง และการทำงานของนายกรัฐมนตรีนั้น มีเป้าหมายเดียวกันคือ ร่วมกันปฎิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ และเพื่อความสุขของประชาชน
“บรรยากาศในการประชุมซึ่งถือเป็นการอำลาปลัดกระทรวงที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ เต็มไปด้วยความอบอุ่น สะท้อนถึงความผูกพันระหว่างนายกรัฐมนตรีและข้าราชการทั้งในฐานะผู้บังคับชา ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้ร่วมงานมาด้วยกัน เป็นโมเม้นท์ที่เฉพาะคนในเหตุการณ์จะได้สัมผัสและเห็นถึงความตั้งใจและตัวตนที่แท้จริงของนายกรัฐมนตรี เสียดายที่ไม่ได้ปรากฏในสื่อ” โฆษกรัฐบาลกล่าว