กมธ.งบ 64 ตัดงบกว่า 3.1 หมื่นล้านบาท
สภาถกงบ 64 วาระ 2 ตัดงบกว่า 3.1 หมื่นล้านบาท
(16 ก.ย.) ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ในวาระที่ 2 โดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เสนอรายงานการพิจารณางบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า
ตามที่สภามีมติรับหลักการ วาระที่ 1 ร่าง พ.ร.บ.งบฯ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 และมีมติแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบฯ ขึ้น โดยพิจารณาหน่วยงานรับงบประมาณ รวม 721 หน่วยงาน ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 แผนการปฏิรูปประเทศ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ และนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล
เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ตลอดจนสอดคล้องกับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศ รวมทั้งผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีข้อเสนอในภาพรวมที่สำคัญ คือ ให้รัฐบาลดำเนินการเกี่ยวกับการกำหนดตัวชี้วัดที่มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกันระหว่างระดับหน่วยงานและระดับประเทศ กำหนดตัวชี้วัดเชิงต้นทุน ประเมินความคุ้มค่าจากผลสัมฤทธิ์ต่อทรัพยากรที่จัดสรร ให้ความสำคัญกับการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการอย่างต่อเนื่อง
โดยกำหนดเป้าหมายร่วมกันเพื่อลดความซ้ำซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ ปฏิรูประบบราชการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และแนวทางลดงบดุล งบบุคลลากร หรืองบที่ไม่จำเป็น เพิ่มงบลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนพัฒนาประเทศด้านบริหารจัดการน้ำ การศึกษา วิจัยและนวัตกรรม ด้านสาธารณสุข ตลอดจนช่วยเหลือประชาชน เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เพื่อกระตุ้นคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น
โดยได้แต่งตั้งคณะอนุ กมธ. พิจารณารายละเอียดงบประมาณ 8 คณะ ปรับลดงบประมาณรวม 31,965,549,000 บาท ให้ความสำคัญกับเงินนอกงบประมาณหรือรายได้ที่หน่วยงานจัดเก็บเอง การกำหนดค่าใช้จ่ายจริงในปีงบประมาณที่ผ่านมาและความพร้อมในการดำเนินงานเป็นข้อมูลประกอบ อาทิ รายการที่ไม่สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันหรือที่ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยการใช้จ่ายโอน เปลี่ยนแปลง หรือปรับแผนปฏิบัติงาน แผนการใช้งบประมาณ พ.ศ. 2563 รายการที่สามารถปรับลดเป้าหมายหรือปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานให้ประหยัด เช่น การฝึกอบรมสัมมนา การจ้างเหมาบริการ การจ้างที่ปรึกษา การประชาสัมพันธ์ การเดินทางไปราชการต่างประเทศ รายการที่มีการดำเนินการล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้และคาดการณ์ว่าไม่สามารถดำเนินการได้ทัน ปี 2564 ผูกพันงบเดิมที่มีผลการจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่างบที่เสนอไว้ และรายการที่สามารถใช้จ่ายเงินจากแหล่งอื่น เช่น เงินนอกงบประมาณ รายได้ที่สามารถจัดเก็บเอง เงินสะสมคงเหลือ เป็นต้น
สำหรับการเพิ่มงบประมาณ 4 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรด้านสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย เป็นเงินอุดหนุนสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเอดส์ ชดเชยรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างน้อยกว่าฐานภาษีเดิม กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อเป็นเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษ และการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส และสำนักงานยุติธรรม ยกระดับมาตรฐานระบบงานศาล เสริมสร้างระบบการบริการ เพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็วมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสิ้น 1,792,828,700 บาท ต่ำกว่าจำนวนเงินที่ปรับลดงบได้
ทั้งนี้ การพิจารณาปรับลดและเพิ่มงบประมาณดังกล่าว คณะกรรมาธิการได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับความพร้อมและศักยภาพของหน่วยงาน ความซ้ำซ้อนของเป้าหมายการดำเนินงาน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ภารกิจที่รองรับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 รายละเอียดที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ภายใต้กรอบวงเงิน 3,285,962,479,700 บาท
นายสันติ กล่าวขอบคุณกรรมาธิการที่ให้ความร่วมมือพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ อย่างเต็มที่ รวมทั้งหัวหน้าหน่วยงานรับงบประมาณที่จัดเตรียมเอกสารและเข้าชี้แจงรายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณต่อกรรมาธิการเป็นอย่างดี