นายกฯ กางแผนงานปีที่ 2 รัฐบาล ให้ ครม.เดินเครื่อง
นายกฯ มอบแนวทางขับเคลื่อนแผนงานปีที่ 2 ของรัฐบาล ให้ ครม.ปรับใช้ตามสถานการณ์อย่างเหมาะสม
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 13 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มอบนโยบายการขับเคลื่อนการบริหารประเทศ ปีที่ 2 แก่ ครม. โดยรัฐบาลจะมุ่งเน้นการบริหารราชการตามที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไว้ อันได้แก่ นโยบายหลัก 12 เรื่อง และนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง พร้อมกับปรับเปลี่ยนแนวทางและวิธีการบริหารงานให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละด้าน
ด้านเศรษฐกิจ มุ่งเน้นการฟื้นฟูและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยจะเสริมสร้างความมั่นคงด้านการจ้างงาน ภาคการผลิตทางด้านอุตสาหกรรม อาหาร พลังงาน อุปกรณ์ทางการแพทย์ สอดคล้องกับอุปสงค์อุปทาน ส่งเสริมและพัฒนาระบบการตลาด การค้าขายออนไลน์ พัฒนาระบบโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้าทางเรือ กองเรือพาณิชย์ พัฒนาการเกษตรบีซีจี เกษตรปลอดภัย เกษตรชีวภาพ การแปรรูปสินค้าการเกษตร ยกระดับการส่งออกสินค้าให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง พัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลของทุกหน่วยงาน (Big data) พัฒนาระบบดิจิทัลให้ประชาชนใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึง
ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ปรับปรุงการบริการสาธารณะของภาครัฐ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเน้นคุณภาพมาตรฐาน ยกระดับทักษะแรงงานให้มีรายได้พอเพียง มั่นคง เพิ่มการจ้างงานแรงงานไทย เร่งรัดการวิจัยพัฒนาไปสู่การผลิตและการเกษตรที่มีคุณภาพ ต้นทุนต่ำ ควบคู่การส่งเสริมการอุปโภค บริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น พัฒนาแหล่งน้ำและระบบชลประทานอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน รวมทั้งการสร้างเสถียรภาพให้กับระบบเศรษฐกิจ ระบบการเงิน การค้าระหว่างประเทศ การลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้ความสำคัญและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วนด้วยการส่งเสริมการศึกษา และการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อส่งเสริมให้คนเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาประเทศ
ด้านการบริหารจัดการงบประมาณ จัดทำงบประมาณขาดดุลเท่าที่จำเป็น และใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า ทั้งงบประมาณที่มาจาก พ.ร.ก.กู้เงิน และ พ.ร.บ.โอนงบประมาณปี 2563 รวมถึงงบประมาณรายจ่ายปี 2564 โดยจะมุ่งเน้นการจัดสรรงบประมาณลงตามกลุ่มเป้าหมาย กระตุ้นและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากเป็นหลักให้เดินหน้าไปพร้อมกับธุรกิจขนาดใหญ่ในห่วงโซ่เดียวกัน
ด้านการต่างประเทศ จะร่วมมือกับทุกประเทศ ในรูปแบบพหุภาคี หรือทวิภาคี ทั้งในด้านการค้า การลงทุน การผลักดันการเจรจาการเข้าร่วมภาคีการค้าระหว่างประเทศที่ยังไม่เรียบร้อย และความร่วมมือต่อสู้วิกฤติการระบาดโรคไวรัสโควิด 19 ทั้งในเรื่องการสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและการปรับรูปแบบการท่องเที่ยวให้รองรับต่อวิถีปกติใหม่ (New Normal) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมทั้งจะสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรอนามัยโลกอย่างต่อเนื่อง
ด้านความมั่นคง เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางทหารกับประเทศในภูมิภาค ควบคู่กับการเสริมสร้างกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มีความเข้มแข็ง ทันสมัย โปร่งใส ยุติธรรม และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ในทุกโอกาส เร่งการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด รวมทั้งการปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันผิดกฎหมาย สำหรับในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมุ่งเน้นการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี เสริมสร้างการพัฒนาในพื้นที่ ทั้งทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ควบคู่การบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรมและเป็นธรรม
ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติราชการให้เกิดการบูรณาการมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้อำนาจและการดำเนินการของหลายกระทรวง หลายหน่วยงาน ขจัดปัญหาอุปสรรค ข้อจำกัดทางด้นกฎหมายหรือกฎระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อให้ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องและสะดวกรวดเร็ว ลดเวลาขั้นตอนการให้บริการภาครัฐ ลดภาระประชาชน ตลอดจนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ชัดเจน ทุกช่องทาง ทั้งสื่อวิทยุ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์
ด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น หน่วยงานตรวจสอบภาครัฐ และองค์กรอิสระ ดำเนินการโดยสุจริตเที่ยงธรรม เป็นไปตามกฎหมาย ประชาชนมีส่วนร่วมในการติดตาม แจ้งเหตุให้หน่วยงานเข้าไปตรวจสอบตามกฎหมาย ประกอบพยานหลักฐานที่ครบถ้วน โดยไม่ถูกแทรกแซง