สรุปเหตุการณ์ ก่อนปล่อยตัว “อานนท์-ไมค์” แบบมีเงื่อนไข

สรุปเหตุการณ์ต่างๆก่อนปล่อยตัวชั่วคราว “อานนท์-ไมค์” แบบมีเงื่อนไข ห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับคดีนี้อีก
(8 ส.ค. 63) จากกรณีนายอานนท์ นำภา และนายภานุพงศ์ จาดนอก สองนักกิจกรรมทางการเมือง ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตามหมายจับในคดีการชุมนุมของ #เยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 63 โดยวานนี้ (7 ส.ค.) ศาลสั่งคืนคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เนื่องจากการยื่นคำร้องเลยเวลาทำการของศาลไปแล้ว ทำให้ตำรวจนำตัวทั้งสองคนไปควบคุมไว้ที่สน.ห้วยขวาง ในคืนที่ผ่านมา

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน สรุปเหตุการณ์ต่างๆไว้ดังนี้
เวลาประมาณ 08.00 น. วันที่ 8 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวอานนท์และภานุพงศ์ออกจาก สน.ห้วยขวาง ไปยังศาลอาญา รัชดาภิเษก เพื่อยื่นขอฝากขังใหม่อีกครั้ง
ในวันนี้ที่บริเวณบันไดหน้าทางขึ้นศาล เจ้าหน้าที่ศาลมีการตั้งแผงรั้วเหล็กกั้นทางขึ้น โดยไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปเข้าไปภายในพื้นที่ศาล ทั้งมีการตรวจสอบรถที่จะเข้าออกอย่างเข้มงวด โดยตำรวจระบุว่าเป็นคำสั่งของศาล หากไม่มีธุระในบริเวณศาล ก็จะไม่อนุญาตให้เข้า นอกจากนั้นยังมีการปิดรั้วบริเวณด้านหลังศาล ไม่ให้เข้าไปในบริเวณที่เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาเข้าออก รวมทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบมากกว่า 50 นาย อยู่รอบศาล และเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบกว่า 10 นาย อยู่บริเวณใต้ถุนศาล
ในช่วงเช้านี้ มีประชาชนทยอยเดินทางมาราว 80-100 คน เพื่อให้กำลังใจนักกิจกรรมทั้งสองคน นำโดย “เพนกวิน” นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ โดยทั้งหมดได้เข้าไปนั่งรออยู่บริเวณหน้ารั้วเหล็กที่กั้นบันไดทางขึ้นศาล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ศาลคอยตรึงกำลังไว้ไม่ต่ำกว่า 30 นาย และยังมีเจ้าหน้าที่คอยบันทึกภาพและวิดีโอเอาไว้ รวมทั้งมีการนำป้ายข้อกำหนดศาลเรื่องการละเมิดอำนาจศาลมาตั้งบริเวณบันไดศาลอีกด้วย

.ต่อมา เวลาราว 10.20 น. พริษฐ์ได้พยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่ขอเข้าไปในศาล เพื่อร่วมสังเกตการณ์คดี หลังมีกระแสข่าวลือว่าอาจมีการนำตัวอานนท์และภานุพงศ์ไปควบคุมที่เรือนจำชั่วคราวแขวงทุ่งสองห้อง (ย้ายมาจากเรือนจำแขวงนครไชยศรี ซึ่งใช้คุมขังผู้ต้องขังคดีความมั่นคง) หลังการเรียกร้องกว่า 20 นาที เจ้าหน้าที่ศาลจึงยินยอมให้ส่งตัวแทนประชาชน 2 คนเข้าไปในศาลได้ ขณะเดียวกันยังมีการนำกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนประมาณ 1 กองร้อย เข้ามาเสริมบริเวณด้านหลังศาลอีกด้วย
ในส่วนกระบวนการขอฝากขัง พ.ต.อ.หญิงจิตติมา ธงไชย พนักงานสอบสวนสน.สำราญราษฎร์ ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ โดยอ้างเหตุเรื่องการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบพยานเพิ่มอีก 6 ปาก รอผลพิมพ์ลายนิ้วมือและประวัติอาชญากร แต่คำร้องในวันนี้พนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาเหมือนกับเมื่อวานนี้ แต่ได้ขอให้ศาลกำหนดเงื่อนไขไม่ให้ผู้ต้องหามีพฤติการณ์จะไปชุมนุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองอีก
ขณะที่ทนายความผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง โดยยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีความจำเป็นต้องฝากขังผู้ต้องหาเอาไว้ ผู้ต้องหาทั้งสองคนถูกสอบสวนเสร็จแล้ว มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่ได้มีพฤติการณ์จะหลบหนี ไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานได้ คดียังเกี่ยวเนื่องกับการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ซึ่งได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ ทั้งการอ้างเหตุของพนักงานสอบสวนว่าเกรงผู้ต้องหาจะไปทำกิจกรรมหรือชุมนุมต่อไปในอนาคต เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเอา และยังเป็นการมุ่งแทรกแซงยับยั้งการใช้เสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครอง ในส่วนของนายอานนท์ หากถูกฝากขัง ยังจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ทนายความซึ่งมีนัดหมายคดีอยู่อีกด้วย

ขณะเดียวกัน อานนท์ นำภา ยังได้เขียนคำร้องคัดค้านฝากขังเพิ่มเติมใน 4 ประเด็นด้วยว่า 1. คดีนี้ไม่มีเหตุผลออกหมายขัง-ควบคุมตัวผู้ต้องหา 2. พนักงานสอบสวนได้เคยยื่นคำร้องขอฝากขังแล้วเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 63 การฝากขังโดยหมายจับฉบับเดียวกัน 2 ครั้ง เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ 3. ยืนยันว่าการชุมนุมทางการเมืองเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ 4. การฝากขังครั้งนี้ ยังเป็นการจงใจใช้ศาลเป็นเครื่องมือเพื่อสกัดการใช้เสรีภาพในการชุมนุม มีการดึงเวลาให้ฝากขังในยามวิกาล ตั้งข้อหาเกินจริง กระบวนการยุติธรรมเช่นนี้ย่อมนำความเสื่อมเสีย และความเสื่อมศรัทธามาสู่กระบวนการยุติธรรม
ในการไต่สวนคำร้อง แยกพิจารณาสำนวนคดีของอานนท์และภานุพงศ์ออกจากกัน โดยไต่สวนพยานสำนวนคดีละ 1 ปาก แล้วเสร็จในเวลาประมาณ 11.55 น. โดยศาลนัดฟังคำสั่งต่อไปในเวลา 13.30 น.
แต่หลังผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง เวลา 15.25 น. ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังอานนท์และภานุพงศ์ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน พิเคราะห์แล้วเห็นว่าป.วิอาญา มาตรา 78 ได้วางหลักเกณฑ์การควบคุมตัวไว้เป็นขั้นเป็นตอน เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เมื่อคดีนี้พนักงานสอบสวนรับตัวผู้ต้องหาวันที่ 7 ส.ค. 63 เวลา 16.00 น. ต่อมานำตัวผู้ต้องหาและคำร้องมายื่นต่อศาลอาญาในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.45 น. ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าผู้ร้องยื่นคำร้องขอฝากขังพ้นกำหนดเวลาราชการ จึงมีคำสั่งคืนคำร้อง และให้รับตัวผู้ต้องหาคืน และให้ยื่นคำร้องภายใน 48 ชั่วโมง ตามกฎหมาย
วันนี้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องมายื่นคำร้องขอฝากขังเวลา 8.52 น. ยังอยู่ในระยะเวลาที่พนักงานสอบสวนสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ตามป.วิอาญา มาตรา 87 วรรคสาม จึงมิใช่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ส่วนที่จำเลยคัดค้านว่าผู้ต้องหามีถิ่นที่อยู่และประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง คดีนี้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งมีข้อหาอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี ซึ่งตามกฎหมายเมื่อเป็นกรณีที่ผู้ถูกจับไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และมีเหตุจำเป็นเพื่อการสอบสวน พนักงานสอบสวนชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ออกหมายขังได้

พนักงานสอบสวนอ้างเหตุขออนุญาตฝากขังว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีกจำนวน 6 ปาก และรอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือ และผลการตรวจประวัติการต้องโทษ ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจขอสอบสวนพยานดังกล่าวได้ เมื่อเป็นการร้องฝากขังครั้งที่ 1 ซึ่งพนักงานสอบสวนมีเวลาสอบสวนเพียง 48 ชั่วโมง กรณีจึงมีเหตุจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนต่อไป ส่วนข้อคัดค้านอื่นไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหา
จากนั้น ทางทนายความได้ยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน โดยใช้ตำแหน่ง ส.ส. ของสมาชิกพรรคก้าวไกล 2 คน
จนเวลา 16.35 น. ศาลอนุญาตให้ประกันตัวอานนท์และภานุพงศ์ กำหนดวงเงินคนละ 100,000 บาท โดยยังไม่ต้องวางหลักประกันในวันนี้ เมื่อผิดสัญญา จึงจะบังคับเอาหลักประกัน ศาลยังกำหนดเงื่อนไขว่าห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับคดีนี้อีก มิฉะนั้นจะให้ถือว่าผิดสัญญาประกัน