พลังประชารัฐ 45 วันอันตราย-โละทีมเศรษฐกิจสมคิด

18 ใบลาออก กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ส่งผลให้ 36 กก.บห. “พ้นสภาพ” ทั้งคณะ 45 วัน นับจากวันที่ 1 มิ.ย.63 หรือ ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 พรรคพลังประชารัฐต้องเปิด “ประชุมใหญ่” เพื่อเลือกหัวหน้า-เลขาธิการพรรค และกก.บห.
ในทางกฎหมาย-ในทางการเมือง “อุตตม สาวนายน” และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ถูก “ยึดพรรค” กลายเป็น “รักษาการหัวหน้าพรรค” และ “รักษาการเลขาธิการพรรค” ตามลำดับ
นอกจากนี่ยังส่งผลถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำไปสู่ “ขาลอย” หากมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เป็น “บันไดขั้นสุดท้าย” ของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ที่จะเหยียบขึ้นไปเป็น “หัวหน้าพรรค”
เป็น “จิ๊กซอตัวสุดท้าย” ของ “ลูกหาบ” พล.อ.ประวิตร ที่จะก้าวขึ้น “เก้าอี้เสนาบดี”
นับถอยหลัง 45 วันอันตราย “พล.อ.ประวิตร” และ “ก๊กบิ๊กป้อม” ต้องฝ่าด่านข้อบังคับพรรคถึง 3 ชั้น
ชั้นแรก-การเรียกประชุม กก.บห.พรรคชุดรักษาการ ต้องอาศัยข้อบังคับพรรค ส่วนที่ 3 การประชุมคณะกก.บห.พรรค ข้อ 48 การประชุมคณะกก.บห.พรรคต้องมีกก.บห.พรรคมาประชุม “ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง” ของจำนวนคณะกก.บห.พรรคที่มีอยู่
ชั้นที่สอง-การเปิดประชุมใหญ่ หมวด 6 การประชุม ส่วนที่ 1 การประชุมใหญ่พรรคการเมือง ข้อ 36 ระบุ “เปิดช่องไว้”
“สมาชิกซึ่งเป็นส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกซึ่งเป็น ส.ส. หรือ กก.บห.พรรคจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวน กก.บห.พรรคการเมืองหรือ สมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของพรรคการเมือง หรือ ไม่น้อยกว่า 250 คน แล้วแต่จำนวนใดจะน้อยกว่ามีสิทธิ์เข้าชื่อกันยื่นคำร้องขอให้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเมืองได้”
1.ให้ที่ประชุมกำหนดจำนวนของคณะกก.บห.พรรค ไม่น้อยกว่า 8 คน แต่ไม่เกิน 45 คน ประกอบด้วย หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรค นายทะเบียนสมาชิก และกก.บห.พรรค
2.ให้ที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งคณะกก.บห.พรรคจนครบจำนวน ซึ่งการเสนอชื่อผู้เข้ารับการเลือกตั้งเป็นกก.บห.พรรคการเมืองแต่ละตำแหน่งต้องมีผู้เข้าร่วมประชุมรับรองไม่น้อยกว่า 10 คน และผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อต้องอยู่ในที่ประชุม
ชั้นที่สาม-องค์ประชุมและ “โหวตเตอร์” ข้อบังคับ ข้อ 37 กำหนดองค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่ประกอบด้วย 1.กก.บห.พรรคไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกก.บห.พรรคทั้งหมด
2.ผู้แทนของสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสาขาพรรคการเมือง ซึ่งในจำนวนนี้จะต้องประกอบด้วยผู้แทนของสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 2 สาขา ซึ่งมาจากต่างภาคกัน
3.ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และ 4.สมาชิกพรรคการเมือง ทั้งนี้ องค์ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองตามข้อ 37 ต้องรวมกันทั้งหมดไม่น้อยกว่า 250 คน
การเลือกตั้ง “กก.บห.พรรคชุดใหม่” โดยที่ประชุมใหญ่ด้วยการ “ลงคะแนนลับ” และการลงมติให้ถือ “เสียงข้างมาก” ของที่ประชุม ในกรณีที่มีเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุม (หัวหน้าพรรค) ออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็น “เสียงชี้ขาด”
45 วันนับจากนี้ชี้ชะตา “อุตตม-สนธิรัตน์” และทีมเศรษฐกิจของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ว่าจะอยู่-ไปต่อ