จบศึกนอก เปิดศึกในพลังประชารัฐ
ผ่านฉลุยสำหรับการพิจารณาร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน วงเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาท ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เห็นชอบทั้ง 3 ฉบับ
ฉบับที่ 1 ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท เห็นชอบ 274 เสียง งดออกเสียง 207 เสียง
ฉบับที่ 2 ร่างพ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงิน 5 แสนล้านบาท เห็นชอบ 275 เสียง ไม่เห็นชอบ 1 เสียง งดออกเสียง 205 เสียง
ฉบับที่ 3 ร่างพ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 วงเงิน 4 แสนล้านบาท เห็นด้วย 274 เสียง ไม่เห็นชอบ 195 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม – พรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล จบศึกในสภาด้วยชัยชนะขาดลอยเหนือพรรคฝ่ายค้าน
ทว่า ทันทีที่ศึกนอกสภารูดม่านปิดฉากลง ความขัดแย้งภายในพลังประชารัฐ “ศึกยึดพรรค” ซึ่ง “พรรครบ” กลับพุ่งรบกันอีกคำรบ เพื่อเปลี่ยนหัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรค รวมถึงการเขย่าเก้าอี้รัฐมนตรี
ก๊กบิ๊กบราเธอร์–พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นำโดย 2 ขุนศึกสูงหกศอก “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ-ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และ “สุชาติ ชมกลิ่น” ส.ส.ชลบุรี พลังประชารัฐ-ประธาน ส.ส. พรรค ระดมพลพรรคหยั่งเสียง-แสดงพลัง
อีกฝากหนึ่ง ก๊กสมคิด–สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ออกหน้าโดยเสนาบดี-รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา-ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ
โดยมี 2 กุมาร “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค-รัฐมนตรีว่าการกระทรงการคลัง และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรค-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงว่าการกระทรวงพลังงานเป็น “ทัพหลัง”
“วิรัช-สุชาติ” ภายหลัง “คุมเสียง” 20 พรรคร่วมรัฐบาล ในการโหวตร่างพ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ “ไม่ให้แตกแถว” ทำความดี-ความชอบ ต่อหน้า “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร” จึงถึงเวลาที่ต้องการ “ปูนบำเหน็จ” ตำแหน่ง-แห่งที่ในคณะรัฐมนตรี
ส่วน “ผู้กองธรรมนัส” ไม่มีส่วนได้-ส่วนเสียใน “ศึกเปลี่ยนหัว” – เชิดพล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค แต่เพื่อรักษาเก้าอี้รัฐมนตรี ทำให้มี “ศัตรูคนเดียวกัน”
ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะกุม ส.ส. ใน “หัวเมืองภาคเหนือ” จึงมีพลังที่จะต่อรอง-งัดข้อกับหัวเมืองอีสาน-หัวเมืองตะวันออก เพราะลำพังก๊วน 7 กุมาร ซึ่งไม่มีส.ส.ในมือ มีเพียง “สมคิด” ที่มี “สัญญาใจ” กับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำสามมิตร
รวมถึง “สมคิด” ยังมี “ไพ่เด็ด” คือ การใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจ-ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ขณะที่ก๊วน 4 กุมาร ท่องคาถา “ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้ง” ในสถานการณ์ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยัง “จ่อคอหอย” เพื่อรักษาเก้าอี้เลขาธิการพรรค-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในช่วงทางสองแพร่ง
ศึกยึดพรรค-สามก๊กในพรรคพลังประชารัฐจะจบลงอย่างไรต้องติดตามด้วยใจระทึก