“ปรับโหมด”ลดแรงต้านเลิกแจงรธน.ในค่ายทหาร
กลายเป็นเป้านิ่งให้ฝ่ายการเมืองโจมตีอีกครั้ง เมื่อสปอตไลต์ตกไปอยู่ที่จุดอ่อนอย่าง
“คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)” ที่มีภารกิจเดินสายชี้แจง และประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญกับประชาชน สถานที่ที่ไปคือ “สโมสรรื่นฤดี ค่ายวชิราวุธ” จังหวัดนครศรีธรรมราชจนเป็นเหตุกกต.ให้เจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอีกระรอก ถึงความไม่เหมาะสม ในการใช้สถานที่ของกองทัพในการจัดงานดังกล่าว
งานนี้เข้าทางฟากฝั่งนักเมืองที่จ้องรอถล่ม โดย “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 1ในผู้เข้าร่วมเวทีดังกล่าว ระบุว่า การมาจัดในค่ายทหารทำให้คนที่เข้าร่วมรู้สึกเกร็ง ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น
“ผมว่าเขาต้องปรับบรรยากาศ เพราะบรรยากาศไม่ดีเหมือนนั่งในโรงภาพยนตร์ มีทหารนั่งรวมอยู่ด้วย ทำให้บรรยากาศตรึงไปหมด ดูเหมือนเราถูกชักจูงให้มาฟัง ซึ่งผมทราบว่าจะมีการจัดแบบนี้อีก 2 ครั้ง ที่ จ.เชียงใหม่ และจ.นครราชสีมาก็จัดกันในค่ายทหารอีก จึงเห็นว่าควรจัดนอกค่ายทหาร ควรไปจัดกันที่มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาบรรยากาศน่าจะดีกว่านี้”
ร้อนถึง “มีชัย ฤชุพันธ์” ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ออกโรงปกป้องทันทีว่า “การจัดในสถานที่ข้างนอกจะเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก และถึงแม้ว่าจะจัดภายในพื้นที่ทหาร แต่ก็มีประชาชนเข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นตามปกติ กองทัพเป็นผู้รับผิดชอบ เขาก็ต้องใช้สถานที่ของเขา ไม่น่ามีผลอะไรกับบรรยากาศที่ว่ากัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่กองทัพใกล้ชิดประชาชน”
หากมองในแง่ของเหตุผล การเลือกใช้ค่ายทหารชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญในแง่ความปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ในมุมของความเหมาะสมในบรรยากาศทางการเมือง ที่ “ทหาร” คือ “คสช.” ที่สลัดภาพออกจากกันไม่ได้ อาจถูกฝ่ายเห็นต่างไล่บลัฟไม่เลิกสำทับด้วย “มือ 1 ด้านกฎหมาย” นายวิษณุ เครืองาม ประจำรั้วทำเนียบรัฐบาล ชี้แจงว่า
“ผมถามว่า ทำไมจึงต้องเกี่ยงกันเรื่องสถานที่ ลำบากอะไร ผมยังนึกไม่ออก เพราะแต่ละคนที่มาเข้าร่วมก็สะดวกสบาย ยิ้มแย้มแจ่มใส ทหารก็ไม่ได้มายุ่ง ไม่มีใครมาแต่งเครื่องแบบเดินให้เห็น ถ้าหากว่าระแวงกันก็จะทำให้การดำเนินการทำอะไรต่อไปจะยาก ผมว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่ถ้าเป็นปัญหาผู้เกี่ยวข้องก็คงรับทราบ ว่าจะแก้ไขปัญหากันอย่างไร เพราะเวทีที่ไม่เกี่ยวกับทหารยังมีอีกหลายเวที จะกลายเป็นว่าทหารไม่ทำอะไร ไม่รู้จักจัดเวทีอะไรเลย และไม่ใช่มีแค่ 4 เวทีนี้ ยังมีอีกเยอะ”ทว่า จากปัญหาเล็กๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ลุกลามบานปลาย ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงง่ายๆ ส่งผลให้ “ผู้นำประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องตัดสินใจไม่ให้กกต.ใช้พื้นที่ทหารอีก
“อยากจะจัดที่ไหนก็จัดไป แต่ต่อไปได้สั่งไปแล้วว่า ไม่ให้จัดในค่ายทหาร ถามว่าจัดในค่ายทหารแล้วไง ไปเอาความเห็นของคนบางคนมาพูดต่อเพื่ออะไร คำพูดของคนเพียงกลุ่มเดียว ไปให้ความสำคัญทำไม ไม่รู้หรือว่าเขามีเจตนาอะไร ไปดูเจตนาของเขาด้วย ทุกวันนี้คนต้องการอะไร ทุกคนต้องการประเทศชาติสงบสุข มีเสถียรภาพ แต่ก็ยังทำกันอยู่แบบนี้ และการเลือกสถานที่ในค่ายทหารกกต. เป็นผู้กำหนดด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ขอให้ไปดูผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าต้องการอะไร”
ขณะที่ “กกต.” แน่นอนว่าต้องมีออกอาการเซ็งเป็ด แต่ก็ต้องรับลูกด้วยการเปลี่ยนสถานที่ชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญที่จังหวัดเชียงใหม่ ค่ายกาวิละ เป็นศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่แทน โดยให้เหตุผลว่า เพื่อความเหมาะสม เพราะมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก
แน่นอนว่า สาเหตุการเปลี่ยนสถานที่กระทันหัน เพราะ “รัฐบาล” รู้ดีว่า หากปล่อยให้นำประเด็นดังกล่าวมาโจมตี ไม่เป็นผลดีกับร่างรัฐธรรมนูญแน่นอน นอกจากนี้ ยังต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์คสช.ที่ดูแข็งกร้าวให้นิ่มนวลลง
ดังนั้นจึงต้องแก้เกม “ตัดไฟ แต่ต้นลม” เบรกเกมจากฝ่ายต้านรัฐธรรมนูญ ที่กำลังขนสาระพัดยุทธศาสตร์เปิดหน้าชน ที่โดนจับผิดทุกเม็ดทุกดอก หากดูตามรูปการณ์คสช. คงต้องรับศึกหนัก และคงโดนโจมตีด้วยประเด็นยิบย่อยอีกมากจนกว่าจะถึง 7 ส.ค.