วัดใจ “DSI” กับคดี “ธัมมชโย”
สัปดาห์ที่ผ่านมา คงเห็นการยื้อกันไปยื้อกันมาระหว่าง “พระเทพญาณมหามุณี” หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ที่ยังไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหาความผิดร่วมกันฟอกเงิน และรับเช็คบริจาค จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น
โดย “ลูกศิษย์” และคณะแพทย์ที่ทำการรักษาอ้างอาการป่วยของ “พระธัมมชโย” จนไม่สามารถเดินทางไปตามนัดหมายได้
ทำให้ “ดีไอเอส” ต้องวางแผนในการเข้าให้ถึงตัวเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายให้ได้ ด้วยการงัด 5 มาตรการ บีบทุกทาง โดยเฉพาะแผนส่งเรื่องให้คณะสงฆ์ทุกลำดับชั้นร่วมดำเนินการงัดกฎหมายเล่นงานผู้ที่ช่วยเหลือ ขณะเดียวกันก็เตรียมประสานสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ “สมเด็จช่วง” เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ช่วยเกลี้ยกล่อมในฐานะที่เป็นพระอุปัชฌาย์ พร้อมกันนี้ดีเอสไอยังดึงอดีตศิษย์ธรรมกายร่วมวางแผนเพื่อปิดจ็อบคดีดังกล่าว
ยื้อกันไปยื้อกันมานานเกือบจะสองสัปดาห์ จนเรื่องร้อนๆนี้ลอยเข้าไปในรั้วทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถูกนักข่าวซักถามถึงเรื่องการดำเนินการกับพระธัมมชโย จนต้องออกโรงชี้แจงว่า
“เรื่องดังกล่าวปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย คณะสงฆ์กำลังพูดคุยหาทางออกร่วมกัน จึงต้องรอฟังผลการหารือก่อน อย่าเพิ่งเร่งรัด ยอมรับว่าผมเป็นห่วงเรื่องดังกล่าว แต่สิ่งสำคัญต้องพิจารณาว่าอะไรเป็นอะไร อย่ามองว่าเป็นการรังแก และผมยังไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหว แต่ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว หากมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น แต่หากทำแล้วเกิดผลกระทบมากอาจจะไม่ทำในวันนี้ อาจทำในวันหน้า จะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157”
ทำให้งานนี้ดูแล้วยืดเยื้อกลายเป็นหนังม้วนยาวแน่นอน
ขณะที่หลายฝ่ายส่งเสียงเรียกร้องให้ “บิ๊กต็อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เร่งจัดการอย่างเด็ดขาด โดย “พล.อ.ไพบูลย์” ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าพบเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อขอความร่วมมือประสานนำตัวพระธัมมชโยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
“การพูดคุยบรรยากาศเป็นไปด้วยดี เจ้าคณะจังหวัดให้ความเมตตาและร่วมมือดีมาก จากนี้คอยติดตามผลการพูดคุย ขอให้ใจเย็นๆ อย่ามองในแง่ร้ายเกินไป ดีเอสไอยังไม่ได้เข้าไปจับกุม เจ้าหน้าที่ต้องไตร่ตรองทำให้รอบคอบด้วยการพูดจา และขอให้ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายที่ยังสงสัยความไม่เป็นธรรม การรังแกพระ ขออย่าให้ความศรัทธามาปะปนกับการปฏิบัติตามกฎหมาย ขอให้แยกแยะ ขอศิษย์ยานุศิษย์อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แต่ต้องแยกแยะ”
ขณะที่ต้นเรื่องเดินหน้าไล่บี้เอาผิด “พระธัมมชโย” อย่าง “ไพบูลย์ นิติตะวัน” อดีตประธานกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ออกมาแฉว่า
“อาจมีความพยายามทำให้ดีเอสไอเข้าไปในวัดให้ได้ เพื่อควบคุมตัวพระธัมมชโย เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย ยกระดับสถานการณ์ทางการเมือง ผมทราบมาว่า มีกลุ่มบุคคลทางการเมืองในย่าน จ.พระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี เข้าไปแทรกตัวอยู่ในวัดหลายร้อยคน เพื่อหวังเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ซึ่งดีเอสไอรู้ทันจึงไม่ตกหลุมพราง แต่จะรอจนกว่ามวลชนจะอ่อนเปลี้ยหรือเพลี่ยงพล้ำไปเอง”
จึงน่าสนใจว่า “คดีพระธัมมชโย” ขาข้างหนึ่งรัฐบาล ก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยนำไปบรรจุไว้ใน 1 ใน 17 คดีใหญ่ ที่นายกฯ สั่งการให้ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายเร่งไล่บี้โดยเฉพาะคดีที่ภาครัฐมีโอกาสชนะคดีต้องเร่งปิดฉาก และนำตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ อย่าปล่อยให้คนผิดลอยนวล หรือคดีขาดอายุความเด็ดขาด
แต่อีก ขาข้างหนึ่ง รัฐบาลโดย “บิ๊กตู่” เองก็ดูจะมีความกังวลไม่น้อย เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องที่ “อ่อนไหว”
ดังนั้นบทหนักคงเป็นปมที่ “ดีเอสไอ” จะต้องขบคิดว่า ในเรื่องที่อ่อนไหวแบบนี้จะดำเนินการให้เด็ดขาดได้อย่างไร ภายใต้ยุค “รัฐถาธิปัตย์” ของคสช.แบบนี้.