กาสิโน จุดจบรัฐบาลอิ๊งค์

การผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ที่จะมีการเปิดกาสิโน 10% ของพื้นที่ทั้งหมดนั้น ทำให้คิดถึงการผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ของพรรคเพื่อไทยเมื่อปี 2556
เพราะการเดินหน้าทั้ง 2 เรื่องนี้มีความคล้ายกันตรงที่ ความเร่งรีบในการผลัดดันเข้าสภา ทั้งยังมีการหมกเม็ด ไม่โปร่งใสในการดำเนินการนำกฎหมายเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

หากย้อนไปในปี 2556 ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีการริเริ่มให้มีการนิรโทษกรรมคดีความทางการเมือง ซึ่งเริ่มแรกเดิมที ก็จะนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ร่วมชุมนุม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับแกนนำก่อนเป็นลำดับแรก
นั่นเป็นแนวทางที่ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างเห็นด้วย ที่จะให้มีการนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุม ก่อน ถือเป็นการเริ่มต้น หากมีการนิรโทษกรรมรอบแรกเสร็จแล้ว อยากจะพิจารณาเหมารวมถึงแกนนำผู้ชุมนุมด้วย ก็ค่อยมาพิจารณาใหม่ ถือเป็นการเริ่มต้นให้เกิดความไว้วางใจกันก่อนของทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
แต่ปรากฏว่า เมื่อเข้าสู่สภาวาระ 2-3 มีความพยายามที่เรียกกันว่า “ลักหลับ” ให้การนิรโทษกรรมครั้งนั้น เหมารวมถึงแกนนำผู้ชุมนุมรวมไปถึงอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขณะนั้นยังพำนักอยู่ต่างประเทศ กฎหมายฉบับนี้ จึงถูกเรียกว่านิรโทษกรรมสุดซอย
นั่นเป็นที่มาทำให้เกิดการชุมนุมครั้งใหญ่โดยมวลชนที่มีชื่อว่า กปปส.นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เริ่มต้นชุมนุมตั้งแต่ปลายปี 2556 เรื่อยไปจนไปถึงกลางปี 2557 จบด้วยการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
การผลักดันกาสิโน ภายใต้โครงการเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ครั้งนี้ก็มีความคล้ายกันเพราะเรื่องนี้ไม่อยู่ในนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย เลยแม้แต่น้อย

อีกทั้งรัฐบาล ก็ยังไม่กล้าพูดตรงๆว่านี่คือการผลักดันให้มีการเปิดกาสิโนในประเทศไทย แต่พยายามเลี่ยงบาลีโดยใช้ชื่อโครงการเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ หรือ สถานบันเทิงครบวงจรแทนการใช้คำว่ากาสิโน ซึ่งก็เหมือนกันหมกเม็ดอย่างไม่ต้องสงสัย
การผลักดันกาสิโนของรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ยังพบปัญหาที่ว่าแม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชาติ ก็ยังไม่เห็นด้วย ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงที่ทั้ง 2 พรรคนี้จะโหวตคว่ำ
แต่ที่เสี่ยงมากไปกว่านั้นหากกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาไปได้จริง สิ่งที่น่ากังวลก็คือการเมืองข้างถนนที่จะเกิดการชุมนุมประท้วงกันครั้งใหญ่
และประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยเดิมคือจุดจบของรัฐบาล หากยังดึงดันกฎหมายโดยอาศัยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร