ไอซ์ รักชนก บุกประกันสังคม จี้ เปิดเผยข้อมูล

“รักชนก-สหัสวัต” พบเลขาประกันสังคมขอความร่วมมือเปิดเผยข้อมูล ยินดีประกันสังคมพร้อมทยอยเปิดข้อมูลภายใน 1 สัปดาห์ หนุนรัฐควบรวมสามกองทุนสุขภาพหลังติดขัดมา 23 ปี
วันที่ 4 มีนาคม 2568 ที่สำนักงานประกันสังคม นส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ เขต 28 พรรคประชาชน และ นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี เขต 7 พรรคประชาชน เข้าพบเลขาธิการสำนักงานกองทุนประกันสังคม เพื่อหารือแนวทางการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารจัดการกองทุนประกันสังคม โดยหลังการเข้าพบเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้มีการแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าจากการหารือดังกล่าว
นส.รักชนก ระบุว่าจากการพบและได้พูดคุยกับเลขาธิการสำนักงานกองทุนประกันสังคมเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลวันนี้ โดยเฉพาะกรณีหนังสือเวียนที่ส่งให้หน่วยงานภายใต้สังกัดสำนักงานกองทุนประกันสังคมที่เกี่ยวกับการไม่ให้ข้อมูล ซึ่งตนยืนยันว่าหนังสือนี้ไม่ปกติ แต่ก็เข้าใจเลขาธิการว่าต้องทำตามคำสั่ง อาจบอกไม่ได้ว่าใครสั่งมา และหนังสือฉบับนี้ไม่มีกฎหมายรองรับ เนื่องจากข้อมูลบางอย่างถูกบังคับให้เปิดเผยอยู่แล้วตามกฎหมาย จึงหวังว่าหลังจากนี้การเปิดเผยข้อมูลของสำนักงานกองทุนประกันสังคมจะมีความคืบหน้า และประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียจะได้รับความร่วมมือหากมีการขอข้อมูลเข้ามาต่อจากนี้

ส่วนเรื่องมติที่ประชุมบอร์ดประกันสังคมทุกชุด ที่มีการคุยในชั้นกรรมาธิการติดตามงบประมาณฯ อาจจะไม่เคยมีใครทวงมาก่อนว่าต้องเปิดเผย แต่ตนยืนยันว่าตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่ามติของบอร์ดที่แต่งตั้งโดย ครม. มติ ครม. หรือโดยอำนาจทางกฎหมาย ย่อมเปิดเผยได้ รวมถึงรายงานการประชุมด้วย ถ้าไม่ได้อยู่ในชั้นความลับที่ตกลงกันไว้ วันที่ประชุมกรรมาธิการฯ รองเลขาธิการบอกจะกลับมาพิจารณา แต่คนที่มีปัญหาจริงๆ ไม่ใช่ฝั่งสำนักงาน แต่คือบอร์ดจากสัดส่วนของนายจ้างที่ยืนยันไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลที่เป็นมติของบอร์ดและรายงานการประชุม
รักชนกกล่าวต่อไปว่าตนขอยืนยันอีกครั้งว่าความต้องการส่วนตัวของท่านไม่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้ ที่ผ่านมาตั้งแต่มีบอร์ดจนถึงวันนี้ท่านยังไม่ได้ทำตามกฎหมายและอาจเข้าข่ายมาตรา 157 ด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเลขาธิการได้รับปากแล้วว่าภายใน 1 สัปดาห์จะทยอยเปิดเผยมติทั้ง 4 บอร์ด ซึ่งตนจะจับตาดูต่อไป
ในส่วนของการควบรวมสามกองทุนสุขภาพนั้น แม้จะไม่มีใครตัดสินใจแทนรัฐมนตรีได้ แต่การสอบถามความพร้อมของกองทุน บอร์ดต้องเป็นคนตอบ ซึ่งตนเข้าใจว่าบอร์ดใหญ่ยังไม่ได้ตีความในส่วนนี้ แม้สุดท้ายรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนาม แต่ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะตัดสินใจกันเองไม่ได้ นี่จึงเป็นเรื่องที่ต้องถามถึงนายกรัฐมนตรีเพราะคาบเกี่ยวกับสองกระทรวงที่ตัดสินใจกันไม่ได้มา 23 ปีแล้ว

นส.รักชนก กล่าวต่อไปว่าถ้ายังมีการคุยกันแบบเดิมโดยไม่ผ่านคนมีอำนาจการตัดสินใจอย่างนายกรัฐมนตรีอย่างไรก็ไม่ได้ควบรวม คนที่ต้องทำให้เรื่องนี้พร้อมคือนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนขอเรียกร้องว่าถ้านายกรัฐมนตรีมีความจริงใจในการจัดการปัญหานี้จริงต้องกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนในการทำงาน ไม่เช่นนั้นศึกษาไปก็เปล่าประโยชน์ เหมือนที่ศึกษามา 23 ปีแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้า
ในส่วนของสหัสวัต ระบุว่าเรื่องหนังสือเวียนที่ปรากฏเป็นข่าว ได้รับการยืนยันจากเลขาธิการแล้วว่าไม่ใช่การจงใจปิดปากคนทำงาน ซึ่งทำให้เราสบายใจมากขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่เรายืนยันคือประเทศนี้ยังมีข้าราชการน้ำดีอีกมากที่พร้อมเปิดเผยเรื่องผิดปกติให้สังคมรับรู้ และยังมีคนทำงานในสำนักงานกองทุนประกันสังคมอีกมากที่กำลังทำงานรับใช้ผู้ประกันตนอย่างแข็งขัน
ส่วนเรื่องของการควบรวมกองทุนนั้น วันนี้เป็นฉันมาทติของสังคมแล้วว่ากองทุุนต่างๆ มีความเหลื่อมล้ำอยู่จริงและเป็นนิมิตหมายอันดีที่นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแแห่งชาติ 2545 เรื่องการถ่ายโอนสิทธิการรักษาต่างๆ มีระบุไว้ในมาตรา 6 ว่าหากติดขัดอย่างไรต้องมีการชี้แจง แต่ 20 กว่าปีที่ พ.ร.บ. นี้บังคับใช้ เรากลับยังไม่เห็นเลยว่าการจัดการสิทธิรักษาให้เหลือกองทุนเดียวเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ติดปัญหาที่ใด

นายสหัสวัต กล่าวต่อไปว่าหากนายกรัฐมนตรีมีความจริงใจ เพียงแค่ไปดูว่า 20 กว่าปีที่ผ่านมามีการดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง ติดปัญหาที่ใด แล้วเริ่มต้นจากตรงนั้น พรรคประชาชนพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพราะนี่คือผลประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้จากการลดความเหลื่อมล้ำในกองทุนรักษาพยาบาลและกองทุนสุขภาพต่างๆ และพรรคประชาชนยังพร้อมให้ความร่วมมือในการยกระดับกองทุนประกันสังคม รวมถึงพิจารณาการออกนอกระบบราชการ ซึ่งพรรคประชาชนมีร่าง พ.ร.บ. เตรียมไว้แล้ว แต่หากรอตามลำดับการพิจารณาของสภาก็อาจล่าช้า หากรัฐบาลเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนสามารถเตรียมร่างของ ครม. แทรกเข้าสภาได้เลย ซึ่งจะทำให้การผลักดันยกระดับโครงสร้างสำนักงานกองทุนประกันสังคมมีความเป็นไปได้มากที่สุด ซึ่งตนอยากได้ความชัดเจนจากฝั่งรัฐบาลว่าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้