“วรงค์” ร้อง กกต. “ทักษิณ” ครอบงำ พรรคเพื่อไทย
- “วรงค์” ร้อง กกต. “ทักษิณ” ครอบงำ พรรคเพื่อไทย
- พรรคเพื่อไทย ปล่อยให้ทักษิณ ครอบงำ
วันที่ 11 ก.ย.67 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบ กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคเพื่อไทย เป็นความผิดตามมาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 และ พรรคเพื่อไทยยอมให้คนที่ไม่ใช้สมาชิกพรรคครอบงำ ชี้งำ ตามมาตรา 28 กฎหมายเดียวกันหรือไม่
นพ.วรงค์ กล่าวว่า กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตรซึ่งมิได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและก็เป็นบุคคลที่ไม่อาจสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัครเป็นสมาชิก เพราะเป็นบุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริต รวม 4 คดี ต้องโทษจำคุกรวม8ปี และยังไม่ได้พ้นโทษหรือหากพ้นโทษแล้วก็ยังพ้นโทษมาไม่ถึงสิบปี ณ ปี2561และถึงปัจจุบัน ตามที่บัญญัติในข้อ12 (9)ของข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ.2561 โดยมีพฤติการณ์และการกระทำอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคเพื่อไทยในลักษณะที่ทำให้พรรคเพื่อไทยหรือสมาชิกขาดความอิสระ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา29 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตั้งแต่ปี 2560 หลายกรรมหลายวาระต่างกัน
ในเย็นวันที่ 14 สิงหาคม 2567หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสินสิ้นสุดลง นายทักษิณ ชินวัตร ได้เรียกนาย ชัยเกษม นิติศิริ ซึ่งเป็นบุคคลผู้อยู่ในบัญชีเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับการคัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ลำดับที่สามของพรรคเพื่อไทย แกนนำของพรรคเพื่อไทยบางคน และหัวหน้าและผู้บริหารพรรคร่วมรัฐบาลไปที่บ้านพักของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ถนนจรัญสนิทวงศ์ เพื่อหารือในการเสนอชื่อบุคคลที่จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายเศรษฐา ทวีสิน โดยพฤติกรรมการกระทำจากการที่ปรากฎหลักฐานว่านายชัยเกษม นิติศิริ แกนนำพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหรือเลขาธิการพรรคที่ปรากฏตัวเดินทางไปที่บ้านพักของนายทักษิณ ชินวัตร จากรายงานข่าวของสื่อมวลชนและภาพคลิปวีดีโอที่เผยแพร่ทางโทรทัศน์และสื่อโซเชียลมีเดีย ตามบัญชีที่แนบมาพร้อมนี้
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ปรากฏข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติศิริให้ได้รับการคัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายเศรษฐา ทวีสิน แม้ต่อมาในวันรุ่งขึ้น 15 สิงหาคม 2567 ปรากฎข่าวว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่เป็นผู้แทนราษฎรบางส่วนเห็นว่า นายชัยเกษม นิติศิริ อาจมีปัญหาด้านสุขภาพ จะเสนอชื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ขณะเดียวกันก็มีสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่านายชัยเกษม นิติศิริ เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในโควต้าของพรรคเพื่อไทย และไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพแล้ว ซึ่งก็เป็นพฤติการณืที่ยืนยันได้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติศิริ ให้เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่นายทักษิณ ชินวัตรได้เรียกแกนนำพรรคเพื่อไทยหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลหารือเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งก็ปรากฏเป็นรายงานข่าวในสื่อหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ สื่อโซเชียลมีเดีย หลายสำนักในทิศทางเดียวกันโดยไม่มีกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลที่ไปประชุมกับนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่14 สิงหาคม 2567 ที่บ้านพักของนายทักษิณ ชินวัตรออกมาปฏิเสธแม้แต่คนเดียว ว่ารายงานข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง
จากข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า นายทักษิณ ชินวัตรซึ่งมิได้เป็นสมาชิกหรือคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยได้กระทำและมีพฤติการณ์ควบคุม ครอบงำ ชี้นำกิจกรรมของพรรคเพื่อไทย ประดุจเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 แม้ต่อมาในวันที่15 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคเพื่อไทย ยืนยันเสนอชื่อนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้ได้รับการคัดเลือกเป็นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนาย ชัยเกษม นิติศิริและที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยและหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาลเห็นชอบเสนอชื่อ นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม ก็ไม่อาจลบล้างการกระทำแลเพฤติการณ์ของนายทักษิณ ชินวัตรที่เป็นความผิดสำเร็จแล้วได้
ในการประชุมคณะกรรมการบริหารของพรรคเพื่อไทยที่ตึกชินวัตร 3 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ปรากฏข่าวตามรายงานของสื่อมวลชนหลายสำนักโดยนายทักษิณ ชินวัตรก็ไปที่ตึกชินวัตร3 โยอ้างว่าเพื่อเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมพรรคเพื่อไทย และตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงคำถามว่าควรที่นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร จะนั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงด้วย เห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร ร้องขึ้นว่า“โอ๊ยคงไม่หรอก เพราะรู้สึกว่าเอาแค่นี้ก็หนักแล้ว” และเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามถึงบทบาทของนายทักษิณ ขณะนี้ปฏิเสธไม่ได้ที่จะถูกมองว่าครอบงำพรรค นายทักษิณ ชินวัตร ยืนยันว่าไม่มีครอบงำ มีแต่ครอบครอง ผู้สื่อข่าวจึงถามทันทีว่าครอบครองหนักกว่าครอบงำ นายทักษิณ จึงรีบตอบว่าไม่ใช่ เพราะ นางสาวแพรทองธาร เป็นลูกสาวของตน (รายละเอียดปรากฎตามรายงานของสื่อมวลชนตามบัญชีที่แนบมาพร้อมนี้)
นพ.วรงค์ กล่าวว่า จากข้อเท็จจริงข้างต้น เป็นหลักฐานยืนยันว่านายทักษิณ ชินวัตร ได้เข้าไปครอบงำ ชี้นำเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจต่อการจะรับหรือไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใดของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเมื่อพิจารณาประกอบกับคำตอบของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อประเด็นที่อาจมองว่า เป็นการครอบงำ