“เทพไท” ชี้ “เพื่อไทย” จูบปาก “ประชาธิปัตย์” มีราคาต้องจ่ายทั้ง 2 พรรค
อดีต สส. ชี้ “เพื่อไทย” จูบปาก “ประชาธิปัตย์” มีราคาต้องจ่ายทั้ง 2 พรรค
วันที่ 29 ส.ค.67 เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นทางการเมืองว่า การเทียบเชิญให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยได้นำจดหมายเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ มอบให้กับนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ถือว่าเป็นจดหมายหรือเอกสารประวัติศาสตร์ ในรอบ 20 กว่าปี ที่พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยได้ต่อสู้ทางความคิดทางอุดมการณ์มาโดยตลอด แต่วันนี้ได้ข้อยุติและความจริงก็ได้ปรากฏขึ้นว่า มีการจับมือร่วมกันเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการแล้ว เป็นความชัดเจน จะได้ไม่ต้องตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จกัน ของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ อีกต่อไป
เทพไท ระบุ ท่ามกลางความชื่นมื่นของผู้บริหารทั้ง 2 พรรค แต่มวลชนของทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็มีความเจ็บปวด น้ำตาตกในไม่แพ้กัน มวลชนคนเสื้อแดง แกนนำ นปช. บางคนก็ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าคุณทักษิณกำลังเหยียบศพคนเสื้อแดงเข้าสู้อำนาจ และยังมีมวลชนคนเสื้อแดงจำนวนมากที่มีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่มีช่องทางที่จะระบายความรู้สึกได้ จะมีเฉพาะแกนนำคนเสื้อแดงที่ได้ประโยชน์จากการเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่ออกมาแก้ต่างให้กับการร่วมรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยอ้างถึงการผลัดใบของประชาธิปัตย์ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของคนแดงไม่ในไม่ได้อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์บ้าง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการหาเหตุผลเพื่อมาอธิบายการจับมือกันผสมพันธุ์กันเป็นรัฐบาลเท่านั้น
เทพไท บอกว่า ในส่วนของมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์ก็เช่นเดียวกัน รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน ไม่ว่ามวลชนกลุ่ม กปปส. พันธมิตร คนเสื้อเหลือง ที่เคยร่วมกันต่อต้านระบอบทักษิณ มาเป็นเวลา 20 กว่าปีแต่วันนี้ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้ละทิ้งอุดมการณ์ ไปเป็นนั่งร้านหรือพรรคร่วมรัฐบาลให้กับพรรคเพื่อไทย สร้างความเจ็บปวดไม่แพ้กัน
เขาว่า สำหรับมวลชนผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ทางภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรค ประชาธิปัตย์ และได้เข้าร่วมกับกลุ่ม กปปส.ขับไล่ระบอบทักษิณ เสียเงินเสียทอง เสียเวลา เสี่ยงชีวิต แต่วันนี้ ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ทิ้งมวลชน ไม่แคร์ความรู้สึกของมวลชน กลับไปจับมือกัน จูบปากกันอย่างชื่นมื่น
ขอให้มวลชนที่เคยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าใจ และเห็นใจในความเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นสถาบันทางการเมืองมา 78 ปี แต่คนที่ควรจะได้รับคำตำหนิและลงโทษไม่ใช่ตัวพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดนี้ ที่นำพาพรรคไปสู่ความเสื่อมเสีย และเสื่อมศรัทธาจากพี่น้องประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ยังคงเป็นสถาบันทางการเมืองยืนหยัดอยู่ต่อไป ผู้บริหารพรรคแต่ละชุดมาแล้วก็เปลี่ยนไป มีผู้บริหารพรรคชุดใหม่มาแทน ถ้าผู้บริหารพรรคชุดนี้ทำไม่ดี สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับพรรค ผู้บริหารชุดใหม่ค่อยมากอบกู้พรรคในโอกาสต่อไป เหมือนกับคำกลอนในเรื่องรามเกียรติ์ ที่กล่าวไว้ว่า”ถึงจะชั่วก็ชั่วแต่ตัวยักษ์ สุริยวงศ์พงศ์ศักดิ์หาชั่วไม่ ขอชาวพรรคประชาธิปัตย์จงอดทนและทำใจ วันนี้ฟ้าอาจจะหม่น รอวันหน้าฟ้าสดใส คนเลือดสีฟ้า ค่อยมาพบกันใหม่ เพื่อสร้างฟ้าให้สดใสกว่าเดิม