ภูมิใจไทย แถลงจุดยืน ค้านกัญชาเป็นยาเสพติด ขอกฎหมายควบคุม
“พรรคภูมิใจไทย” เรียกร้อง กฎหมายควบคุมกัญชากัญชง แทนประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติด
วันที่ 10 ก.ค.67 พรรคภูมิใจไทย นำโดย นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงจุดยืนในการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า พรรคยังยืนยันในฐานะเป็นผู้ริเริ่ม และเป็นผู้บุกเบิกเปลี่ยนจากกัญชาเป็นยาเสพติด เพื่อนำมาใช้ทางการแพทย์ สุขภาพ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยร่างพระราชบัญญัติกัญชากัญชง ที่เสนอตั้งแต่สภาชุดที่แล้ว จนถึงสมัยนี้ ให้นำกัญชามาใช้อย่างมีการควบคุม เราเข้าใจถึงความห่วงใยกังวล ทางพรรคภูมิใจไทย ได้เสนอร่างพ.ร.บ.กัญชา ไปตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลกลใด เกมการเมืองใดที่เกิดขึ้นทำให้ร่างพ.ร.บ.ไม่ผ่านในสภารอบที่แล้ว แต่ในสภาสมัยปัจจุบัน ได้เสนอพ.ร.บ.ควบคุมกัญชา ไปตั้งแต่ ก.ย. 2566 รอเข้าสู่ระเบียบวาระของสภาต่อไป
“พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เป็นร่างที่สอดรับกับนโยบายรัฐบาล ที่แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2566 ในหน้าที่ 11 ที่ระบุว่า รัฐบาลจะดำเนินแนวทางนโยบายการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ และสุขภาพ เพื่อสร้างมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจ เราไม่ได้ทำนอกเหนือจากนโยบายรัฐบาล เรายังให้ความสำคัญการจะใช้กัญชาต้องใช้ให้ถูกต้อง โดยมี พระราชบัญญัติ มาควบคุม” นางสาวแนน บุณย์ธิดา กล่าว
โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เราเพิ่งปลดล็อกกัญชาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แล้วอยู่ดีๆ วันนี้มีการเสนอให้กลับไปเป็นยาเสพติดอีก ปัจจุบันมีโดยการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางเศรษฐกิจ มีประชาชนหลายชุมชน ลงทุนเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้าน แล้วจะทำอย่างไรให้เขาอยู่ได้ จึงบอกว่าจะต้องมีการออก พระราชบัญญัติกัญชากัญชง ที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทย ให้ออกมาควบคุม ดีกว่าที่จะกลับไปกลับมา แล้วกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในอนาคต
ถ้าเราย้อนกลับไปดูประเทศที่ให้ใช้กัญชา อย่างถูกต้อง เขาก็มีการออกพระราชบัญญัติ ออกมาควบคุมเช่นเดียวกัน เรายังยืนยันในจุดยืนเดิม ตามที่คณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายเอาไว้ และที่หลายคนกังวล ว่าการจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด
“พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกัน และยืนยันว่ายังทำงานตามนโยบายที่แถลงต่อสภา ซึ่งเป็นข้อตกลงของทุกพรรคการเมืองในการร่วมรัฐบาลในการทำงานร่วมกัน พรรคภูมิใจไทย มีมารยาทมากพอ เราไม่คิดจะมีเรื่อง ไม่คิดจะทะเลาะกับใคร เราทำงานตามนโยบายที่วางไว้ทุกประการ” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว