“ภูมิใจไทย” ชง ยกเลิกประกาศ คสช.71 ฉบับ ขัดสิทธิมนุษยชน
“ภูมิใจไทย” ยื่นร่างกฎหมายยกเลิกประกาศ และคำสั่งคสช. 71 ฉบับ ที่เป็นการควบคุม สื่อ-สิทธิเสรีภาพประชาชน
วันที่ 5 ก.พ.67 พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย, นายวัชรพงษ์ คูวิจิตรสุวรรณ สส.สระบุรี และนายเรืองวิทย์ คูณวัฒนาพงษ์ สส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย ยื่นร่างพระราชบัญญัติ ยกเลิกประกาศ และคำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พ.ศ. … ต่อ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร และ เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร
นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้พรรค ได้ยื่นเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ระบบไปเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2567 สืบเนื่องจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้ นายศุภชัย ใจสมุทร และทีมฝ่ายกฎหมายของพรรคภูมิใจไทยไปศึกษาในเรื่องของประกาศ และคำสั่งของ คสช. ที่มีปัญหาเป็นอุปสรรคในเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตยและได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งจากการศึกษาประกาศ และคำสั่ง คสช. มีทั้งหมด 240 ฉบับ การยกเลิกต้องออกเป็นกฎหมาย ซึ่งจะมีทั้งสิ้น 71 ฉบับ โดยศักดิ์ของกฎหมาย คำสั่ง และ ประกาศของ คสช. เทียบเท่ากับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ดังนั้น ถ้าจะยกเลิกจะต้องทำเป็น พ.ร.บ. โดยจากการศึกษา พบว่า คำสั่งของ คสช. ที่จะบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไปนั้นมีทั้งหมด 37 ฉบับ ที่ต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวงอย่างละ 2 ฉบับ เป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 55 เรื่อง
โดย ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกคำสั่งคสช. ฉบับที่ได้ยื่นนี้ ยกร่างเอาไว้ 7 มาตรา เป็นกฎหมายพ่วง หลาย ๆ ฉบับแนบท้ายร่างที่นำเสนอ โดยเห็นว่า ขณะนี้ประเทศของเรา เข้าสู่ระบบประชาธิปไตย แต่ยังมีเรื่องเป็นอุปสรรคในการไปแทรกแซง สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพี่น้องประชาชน และในเรื่องของสื่อมวลชน ไม่ได้ รวมถึงสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุม จึงอยากให้เพื่อนสมาชิก สส. ให้ความเห็นชอบ และผ่านร่างกฎหมายนี้โดยเร็ว
.
“ประเทศไทยในวันนี้มีประกาศคณะปฏิวัติที่บังคับใช้อยู่รวมกว่าพันฉบับ ซึ่งก่อนครบวาระสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 มีการพยายามทำกฎหมายโดยการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดทำประมวลกฎหมาย และกฎเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงโดยสะดวก แต่กมธ. ชุดนี้ดำเนินการไปเพียง 12 ครั้ง ก็ไม่สำเร็จ ผมไม่ได้ตําหนิในเรื่องของประกาศคณะปฏิวัติ แต่เมื่อมีความจําเป็น บางฉบับใช้เป็นเครื่องมือในการปกครองประเทศได้ดี แต่ในปัจจุบันการทําจากคําว่าประกาศคณะปฏิวัติ มาให้เป็นกฎหมายจากฝ่ายบัญญัติ มันจะดูดี ในสายตาต่างชาติจะมาลงทุนในประเทศไทย เรามีรัฐสภาที่เป็นสภานิติบัญญัติ ที่นี่เป็นที่ผลิตกฎหมาย ที่นี่เป็นที่ผลิตเครื่องมือในการปกครอง เรามีพื้นที่ 424,000 ตารางเมตร ลงทุนเป็นหมื่นล้าน เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ไม่จําเป็นจะต้องให้อํานาจกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในเรื่องของการที่มายึดอํานาจ และออกกฎหมายแทนสภานิติบัญญัติ” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว