“ธรรมนัส” เผย กลุ่มการเมือง มีเอี่ยวหมูเถื่อน เร่งสอบ ส่งสำนวน ดำเนินคดี
“โดยสามารถสืบสวนถึงต้นตอได้ทั้ง 161 ตู้ ประกอบด้วยกลุ่มนักการเมือง กลุ่มพ่อค้า และกลุ่มระดับลูกจ้างทั้งหมด”
วันที่ 24 พ.ย.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงความคืบหน้ากรณีการปราบปรามการนำเข้าหมูเถื่อน โดยมี นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและการจัดเก็บภาษีกรมศุลกากร ร่วมการแถลงข่าวด้วย
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ แจ้งว่า จากการดำเนินการปราบปรามสินค้าเกษตรเถื่อน ตั้งแต่ 10 ตุลาคม 2566 ห้องเย็นที่กรมฯ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กอ.รมน จังหวัด ดีเอสไอส่วนกลางและภูมิภาค ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ร่วมดำเนินการตามข้อสั่งการของ รมว.กษ. ได้ตรวจสอบห้องเย็นทั้งสิ้น 2,210 แห่ง นับเป็นห้องเย็นที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานทุกแห่ง และห้องเย็นที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ซึ่งอาจเป็นห้องเย็นขนาดเล็ก ผลการบังคับใช้พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ 2558 และพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อจำหน่ายเนื้อสัตว์ 2559 ซากสัตว์ที่ถูกอายัติดำเนินคดี โค กระบือ สุกร สัตว์ปีก รวมซากสัตว์ทั้งหมดจากการประกาศสงครามกับการค้าสัตว์ผิดกฎหมาย 2,568,322 กิโลกรัม อยู่ใน 35 จังหวัด นับเป็น 92 คดี เป็นคดีที่ผิดทั้งในประเทศ อาทิ โรงฆ่าเถื่อน ไม่มีแหล่งที่มา หรือไม่ได้ขออนุญาต
นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ดำเนินการตามมาตรการ นโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเคร่งครัด ร่วมบูรณาการในการตรวจสอบตั้งชื่อชุดฉลามขาว และให้ประมงจังหวัดปูพรมร่วมกับปศุสัตว์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยตรวจสอบห้องเย็นจำนวน 2,062 แห่ง ส่วนการนำเข้าสัตว์น้ำ กรมประมงเร่งรัดดำเนินการ เพื่อประสานนำข้อมูลกับ DSI กรณีพบหลักฐานว่าเป็นสัตว์น้ำหรือสัตว์ชนิดอื่น กรมประมงจะเร่งรัดดำเนินการต่อไป
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงชุดปฏิบัติการพิเศษซึ่งได้แต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยหลายหน่วยงาน เป็นหน่วยงานที่ทำงานลับและสามารถตรวจค้นได้ทันที โดยอาศัยพ.ร.บ โรคระบาด ซึ่งในเรื่องคดีต่าง ๆ ได้ทำงานแบบบูรณาการระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมศุลกากร DSI ปปง. อย่างเอาจริงเอาจรัง จนกลายเป็นคดีที่พิเศษที่ นายกรัฐมนตรีและประชาชนให้ความสนใจ
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า ณ เวลานี้ กลุ่มผู้กระทำความผิด ได้ซักทอดไปถึงกลุ่มที่ 2 ซึ่ง DSI ได้ส่งสรุปสำนวนถึง ปปช. แต่ข้อมูลยังเป็นความลับ ส่วนเรื่องความผิดรายย่อย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการทุกคดี ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างจริงจัง ทำงานเชิงรุก ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยสามารถสืบสวนถึงต้นตอได้ทั้ง 161 ตู้ ประกอบด้วยกลุ่มนักการเมือง กลุ่มพ่อค้า และกลุ่มระดับลูกจ้างทั้งหมด อีกทั้ง ในขณะนี้ ทุกหน่วยงานได้เซตซีโร่ห้องเย็นทั้งหมด หลังจากนี้ไปจนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2566 หากไม่มาขึ้นทะเบียน จะถือว่าเป็นห้องเย็นเถื่อน ซึ่งรวมไปถึงห้องเย็นที่อยู่ตามรถบรรทุกต่าง ๆ ด้วย และรวมไปถึงกรณีการนำเข้าเถื่อนในประเภทอื่น ๆ นอกจากเหนือจากหมูด้วย เช่น สินค้าการประมง เกษตร ยางพารา
ทั้งนี้ ส่วนของขั้นตอนการฝังกลบ ภายในสิ้นเดือนนี้จะฝังกลบทั้งหมด โดยขอสงวนสิทธิ์ว่าเป็นความลับ เนื่องจากยอมรับว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง จะมีขบวนการที่ทำให้เราไม่สามารถดำเนินการได้ และหลังจากที่ทำลายเรียบร้อยทั้งหมดภายในสิ้นเดือนนี้ จะเปิดเผยรายละเอียดให้สังคมได้รับทราบต่อไป
พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ ได้ส่งของกลางหมูเถื่อน 161 ตู้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้บูรณาการสืบสวนสอบสวน มีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและอาชีพของเกษตรกร เป็นการทำความผิดจากนายทุนข้าราชการ ซึ่งจากการตรวจสอบคดีเกี่ยวกันกับเจ้าหน้าที่รัฐ จึงส่งเรื่องไปที่ ปปช. ระหว่างที่ดำเนินการจึงพบว่ามีกระบวนการนี้มีการนำเข้าของเถื่อนมาในห้วงห้ามนำเข้าเศษซากหมูในปี 2564-2566 จำนวน 2,385 ตู้ ได้ดำเนินการควบคู่ไปกับ ปปง. จะมีการยึดทรัพย์คู่ขนานไปด้วย ในส่วนของคดีที่ 2 ที่เป็นอุปสงค์ให้กับคดีแรก พบว่าเช้าวันนี้มีผู้เข้ามอบตัว โดยรมว.ยธ. สั่งการให้เร่งดำเนินการเอาผิดกับทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเชื่อว่าจะมีความคืบหน้า เพราะเกี่ยวข้องกับอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร จะดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด
พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า ส่วนของ ปปง. ความผิดตาม พรบ. ศุลกากร ลักลอบนำเข้า รับสินค้าหลบหนีภาษีศุลกากรเป็นความผิดมูลฐาน และอยู่ในอำนาจ ปปง. ทั้งสัตว์ อาหาร พืช โดยความผิดจากที่ DSI ได้กล่าวมา ปปง. ได้เอาผิดและยึดทรัพย์ 8 บุคคล 6 บริษัท ยึดแล้วประมาณ 53 ล้าน และระหว่างนี้ได้ประสานกับดีเอสไอถึงพยานหลักฐาน และจะดำเนินการยึดทรัพย์กลุ่มต่อไป โดยไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดี ผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับกลุ่มที่ ปปง. จะดำเนินการทางแพ่งและยึดทรัพย์มาดำเนินคดีในชั้นศาลทั้งหมด ผู้ที่เกี่ยวข้องจำต้องไปชี้แจงการได้มาถึงทรัพย์ดังกล่าวในชั้นศาลอีกทีหนึ่ง เพื่อคุ้มครองสินค้าอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ หรือสินค้าทางการเกษตรของพี่น้องประชาชนที่เป็นเกษตรกรได้ราคาที่เหมาะสม และไม่มีการนำเข้าจากต่างประเทศเข้ามาทำลายราคา ไม่ทำให้พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ยืนยัน ปปง. ดำเนินการสุดความสามารถ