ศรีสุวรรณ จี้ กกต.สอบพิธา หลังถูกโซเชียลจับผิด
ศรีสุวรรณ บุกร้อง กกต.สอบพิธาหลังถูกโซเชียลจับผิดจงใจฝ่าฝืน ม.73(5)
เวลา 10.00 น. วันที่ 28 เม.ย.66 ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปให้สัมภาษณ์รายการกรรมกรข่าวในลักษณะปรุงแต่งเรื่องการเดินทางกลับจากอเมริกามางานศพพ่อในช่วงรัฐประหาร 2549 แต่กลับใส่ร้ายให้ความเท็จ อันอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน ม.73(5)แห่ง พรป.เลือกตั้ง ส.ส.2561 หรือไม่
ทั้งนี้ เนื่องจากชาวโซเชียลช่วยกันจับโป๊ะนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หลังที่ไปออกรายการกรรมการข่าวของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดาเมื่อ 20 เม.ย.66 โดยกล่าวอ้างในหลายประเด็นที่ส่อไปในทางเป็นข้อเท็จมากกว่าจริง อาทิ 1.กลับมาที่กองทัพอากาศ คืนแรกผมไปไม่ได้ เขารื้อคอมฯผม เขาทำผมทุกอย่าง 2.ผมทำงานให้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในฐานะข้าราชการการเมืองในตอนนั้น 3.ผมยังจำได้ว่า ผมไปงานศพพ่อไม่ทัน 4.หลังจากนั้นมันไม่ใช่แค่โดนควบคุมตัวนะ มันโดนควบคุมการเงินด้วย 2-3 เดือนที่ผมหาเงินมาใช้งานศพคุณพ่อไม่ได้
แต่ทว่าชาวโชเชียลได้ไปขุดคลิปที่นายพิธา ไปให้สัมภาษณ์ในรายการหนูแหม่มเมื่อปี 2552 มาเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกันแต่กลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อาทิ 1.ในขณะนั้นผมเรียนที่บอสตัน 2.เขาก็กักตัวไว้พักหนึ่ง ก็ทำให้ไปงานศพคุณพ่อช้า 3.ผมถูกกักตัว 4-5 ชั่วโมงได้ สายนิดหน่อยแต่ก็ยังทันไปงานศพพ่อ
การไปออกรายการกรรมการข่าวล่าสุดดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงความพยายามที่จะปรุงแต่งเรื่องในการเล่าความในเรื่องเดียวกันให้ดูเหมือนตนเองถูกกลั่นแกล้ง ถูกรังแก จากฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายทหาร จนกระทั่งไปร่วมงานศพบิดาไม่ทัน และถูกควบคุมการเงินด้วยถึง 2-3 เดือน จนหาเงินมาใช้งานศพคุณพ่อไม่ได้ ทั้งๆที่หลายคนที่อยู่ในเหตุกาณ์หรือล่วงรู้ความจริงได้ออกมาโพสต์ท้วงติงหรือให้สัมภาษณ์ในข้อมูลที่ตรงกันข้ามกับการให้สัมภาษณ์ของนายพิธาล่าสุดกันหลายคน
การให้สัมภาษณ์ของนายพิธาดังกล่าว จึงอาจทำให้ผู้ชมผู้ฟ้งที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงมาก่อน อาจเข้าใจผิดในความนิยมในตัวของนายพิธา และพรรคก้าวไกลได้ จึงอาจเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองตาม ม.73(5) แห่ง พรป.เลือกตั้ง ส.ส.2561 ซึ่งต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปีอีกด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐาน คลิปวิดีโอทั้งหมดมามอบให้ กกต.ให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวตามครรลองของกฎหมายต่อไปในวันนี้