ชาติพัฒนากล้า เสนอ ‘1 จิตแพทย์ ต่อ 1 สถาบัน’ เป็นของขวัญวันเด็ก
“กรณ์” ย้ำ ผู้ใหญ่ต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเยาวชน
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า วันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติอีกปีหนึ่ง 20 กว่าปีที่ผ่านมาตนได้มาทักทายในฐานะคุณพ่อ แต่ปีนี้มีบทบาทเพิ่มเติมคือมีหลานปู่แล้ว ยิ่งทำให้เห็นว่าพัฒนาการของเด็ก ๆ แต่ละยุคแต่ละสมัยก็มีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันไป ส่วนวิธีคิด และเรื่องที่เขาสนใจ ก็จะมีความแตกต่างในทุก ๆ ปีด้วย แต่เรื่องเดียวที่เหมือนกัน และนับวันจะตระหนักในภาระหน้าที่มากขึ้น คือ เรื่องของการสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ให้กับเด็ก ๆ เพราะว่าหน้าที่ของพวกเราที่เป็นผู้ใหญ่ก็คือ คอยช่วยให้คำแนะนำในกรณีที่เขาอยากที่จะได้รับคำแนะนำจากเรา ที่สำคัญคือช่วยกันสร้างโอกาส ให้กับคนรุ่นใหม่
“ผมในฐานะสวมหมวกนักการเมือง ก็มีหน้าที่สร้างโอกาสด้วยนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนริเริ่มกิจการ เรื่องของการพัฒนาช่องทางและแนวทางการศึกษาที่เหมาะต่อยุคสมัยและอื่น ๆ แต่วันนี้ อยากสื่อไปถึงผู้หลัก ผู้ใหญ่ คุณพ่อ คุณแม่ ทุก ๆ คน ก็คือเรามาช่วยกันครับ เราอยากที่จะเห็นเด็กโตขึ้นอย่างไร ก็ขอทำตัวเราเองให้เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขา ให้เขามองเราแล้วรู้สึกว่านี่คือแนวทางในการวางตัว ในการประพฤติตนที่จะทำให้เขามีโอกาสที่ดีในชีวิตด้วย ขอให้ทุกคนมีความสุขด้วยกัน ร่วมกันในฐานะครอบครัว ในวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ด้วยครับ” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว
ด้านนายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษานายกรณ์ จาติกวณิช กล่าวว่า ด้วยแรงกดดันจากสังคม ครอบครัว สถาบันการศึกษา ภาวะโรคซึมเศร้าหรือแม้แต่ความคิด ความพยายามที่จะฆ่าตัวตาย ในหมู่เยาวชนนั้นมีจริง เมื่อวันก่อน ตนได้ไปร่วมพูดคุยถึงแนวทางการใช้ชีวิต แนวทางความคิด ในโครงการ My life my goal ของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง กล้าหาญมาก เธอลุกขึ้นพูดท่ามกลางเพื่อน 400 คน และครูบาอาจารย์ เธอเล่าให้ฟังว่า ในชีวิตนี้เธอมีความหวัง มีความใฝ่ฝัน มีสิ่งที่ที่ต้องการจะทำ แต่ถูกแรงกดดันอย่างมากที่ถูกบังคับให้เรียนในวิชาที่ไม่ชอบและไม่เกี่ยวข้อง กับสิ่งที่ต้องการจะทำ เธอกำลังติด E และอาจเรียนไม่จบพร้อมเพื่อน เธอเล่าไปร้องไห้ไป แน่นอนเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนเดียวที่เผชิญปัญหาแบบนี้ ซึ่งตนได้บอกกับเธอไปว่า คงไม่สามารถมีคำตอบที่จะแก้ปัญหาให้กับเธอได้ในตอนนี้ เพราะการปฏิรูปการศึกษาในประเทศไทยยังไม่เกิดขึ้น
“แต่สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้นั่นก็คือ การมี 1 จิตแพทย์ ต่อ 1 สถาบันการศึกษา ตั้งแต่ประถม มัธยม จนถึงมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ 1 คน ต่อ 1 คณะ ก็ยังได้ เพราะมีหลายเรื่องราวที่เด็กไม่สามารถปรึกษากับ ครู หรือแม้แต่พ่อแม่ เล่าให้เพื่อนฟังได้ เพื่อนอาจจะเป็นที่พึ่งทางใจได้ แต่เพื่อนหาทางออกให้ไม่ได้ แต่จิตแพทย์ หรือนักจิตวิยาที่ปรึกษา ซึ่งถูกฝึกมาเฉพาะทาง รู้จักฟัง รู้จักที่จะวิเคราะห์ด้วยหลักจิตวิทยา คนที่มีอำนาจพอที่จะเชิญ ครู ผู้ปกครองมาร่วมกันหาทางออก และไม่ใช่แค่แก้ปัญหา หรือช่วยเรื่องปัญหาในการศึกษา เขาสามารถที่จะแนะแนวทางเกี่ยวกับแรงกดดันจากเพื่อน สังคม แฟน หรือแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ในทุกปัญหา ที่เยาวชน นักเรียน นักศึกษา มี จะต้องเป็นผู้ที่เป็นมืออาชีพ ถูกเทรนด์มาโดยเฉพาะคือนักจิตวิทยา เพราะฉะนั้นในประเทศ ไทยทุกสถาบันการศึกษา จะต้องมีอย่างน้อย 1 คน” ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว